DSIรับเป็นคดีพิเศษตุ๋นต่างชาติลงทุนที่เพชรบุรีสูญเงินกว่า3,400ล้านบาท

0
447

สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับเรื่องจากนายศรีสุวรรณ จรรยา อุปนายกและเลขาธิการสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ปฏิบัติหน้าที่นายกสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร้องขอให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบกรณีได้รับเรื่องร้องเรียน จากชาวต่างชาติว่า ถูกบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง หลอกให้ลงทุนในธุรกิจอาคารชุดหรือทรัพย์สินในโครงการบ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ในท้องที่ตำบลไร่โคก อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี มีผู้ตกเป็นเหยื่อทั้งคนไทยและคนต่างชาติ มีความเสียหายจำนวนมาก

กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจ และกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงมีคำสั่งให้สืบสวนเป็นเรื่องสืบสวนที่ 37/2564 โดยให้กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ได้มีบริษัทฯซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) จำนวน 21 แปลง เนื้อที่รวม 555-1-49 ไร่ บริเวณตำบลไร่โคก อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี มาเพื่อจัดทำโครงการจัดสรร ประกอบด้วย โรงแรม คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว สวนอาหาร สวนน้ำ ครบวงจร จากนั้นได้นำเอาโครงการดังกล่าว ออกโฆษณาขายให้กับประชาชนทั้งในและต่างประเทศ โดยมีรายละเอียดอธิบายเกี่ยวกับห้องชุดและผลตอบแทนการลงทุน เพื่อเชิญชวนประชาชนเข้ามาซื้อหรือลงทุนในโครงการ มีการโฆษณาชักชวนต่อบุคคลโดยทั่วไป มีการเสนอจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนเงินคืนให้กับผู้ที่นำเงินมาร่วมลงทุนกับโครงการ ร้อยละ 10 ต่อปีของการชำระเงินเต็มจำนวน คิดเฉลี่ยจ่ายเป็นรายเดือนเริ่มตั้งแต่เดือนถัดมานับจากการชำระเงินเต็มจำนวนจนกระทั่งโครงการได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ทำให้มีผู้ให้ความสนใจนำเงินมาร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากข้อมูลพบว่าเป็นจำนวนเงินถึง 3,400 ล้านบาท

 นอกจากนั้นยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าพื้นที่ที่นำมาจัดทำโครงการ เป็นพื้นที่อยู่ในบริเวณที่มีกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมที่ไม่สามารถนำประกอบกิจการตามโครงการได้และบริษัทฯ ได้ทราบข้อเท็จจริงมาโดยตลอด อันอาจชี้ให้เห็นเจตนาว่าบริษัทฯ ไม่ได้จะมีการก่อสร้างโครงการจริง และในส่วนของการจ่ายค่าตอบแทนการลงทุนนั้น พบว่าในช่วงแรกบริษัทฯ มีการจ่ายเงินคืนให้กับผู้นำเงินมาร่วมลงทุน จำนวน 3 เดือนบ้าง 6 เดือนบ้าง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการจ่ายเงินคืนให้กับผู้ร่วมลงทุนอีก แม้ว่าต่อมา  ผู้ร่วมลงทุนจะได้มีการติดตามทวงถามเพื่อขอให้บริษัทฯ คืนเงินที่ร่วมลงทุน แต่บริษัทฯ ก็ได้บ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนเงินมาโดยตลอด ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการประกาศอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ในการกู้ยืมเงินจากประชาชนไว้ที่ร้อยละ 3.80 ต่อปี ดังนั้นอัตราผลประโยชน์ตอบแทนที่บริษัทดังกล่าวจ่ายให้กับผู้ร่วมลงทุนจึงสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ การกระทำของบริษัทฯ จึงเข้าข่ายมีลักษณะเป็นการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 รวมทั้งในการสืบสวนยังพบข้อสงสัยเกี่ยวกับเอกสารสิทธิ์บางส่วนว่าอาจทับซ้อนกับเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ายางหัก – เขาปุ้ม  ถึงประมาณ 499 ไร่ และมีข้อสงสัยอื่นๆ เกี่ยวกับเอกสารสิทธิ์ซึ่งจะดำเนินการสืบสวน ต่อไป

 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องสืบสวนดังกล่าว เป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) (ก) (ข) และ (ค) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อันมีลักษณะการกระทำความผิดตามประกาศ กคพ. (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 เรื่อง กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้มีคำสั่งให้รับกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เพื่อทำการสืบสวนและสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และทำความจริงให้ปรากฏต่อไป

 เนื่องจากกรณีดังกล่าว ปรากฏผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวต่างชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าว เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ข้อมูลและให้ปากคำ ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามมายัง กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ที่สายด่วน DSI Call Center 1202 (โทรฟรีทั่วประเทศ)