กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก.,เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฎฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ. ปฏิบัติการตัดตอนการผลิต และจำหน่ายลูกโป่งแก๊สหัวเราะ ตรวจยึดแก๊สวิปครีมไนตรัสออกไซด์ที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง กว่า 70,000 หลอด มูลค่ากว่า 2,000,000 บาท
พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากปัจจุบันมีผู้ลักลอบนำแก๊สไนตรัสออกไซด์ มาใช้ผิดประเภท โดยการ นำแก๊สบรรจุใส่ลูกโป่ง จำหน่ายให้นักท่องเที่ยวตามสถานบันเทิง เพื่อใช้ในการสูดดมสร้างความมึนเมา และเคลิบเคลิ้ม โดยแก๊สไนตรัสออกไซด์มีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งจะชะลอการทำงานของสมองรวมไปถึงระบบหายใจ และการทำงาน ของหัวใจ ถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์ในการดมยาสลบ และใช้ผสมกับครีมเพื่อผลิตเป็นวิปครีม ในอาหารและเครื่องดื่ม หากสูดดมต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อสมอง ระบบประสาทไขสันหลัง และเส้นประสาทส่วนปลาย อาทิเช่น ไม่สามารถทรงตัวได้ แขนขาอ่อนแรง สมองเสื่อม คิดช้า พูดช้า เป็นต้น โดยช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคม. และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจค้นจับกุม ดำเนินคดีกับผู้ผลิตและจำหน่ายลูกโป่งแก๊สหัวเราะ ในพื้นที่ถนนข้าวสาร แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เนื่องจากแก๊สไนตรัสออกไซด์ มีวัตถุประสงค์ใช้ผลิตเป็นวิปครีมในอาหาร และเครื่องดื่ม จึงหาซื้อได้ง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เมื่อมีการใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยการนำมาบรรจุใส่ลูกโป่งเป็นแก๊สหัวเราะ จึงทำให้การแพร่ระบาดของลูกโป่งแก๊สหัวเราะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค จึงมีมาตรการในการเฝ้าระวังการจำหน่ายแก๊สไนตรัสออกไซด์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อตัดตอน และลดจำนวนการผลิต รวมทั้งการจำหน่ายลูกโป่งแก๊สหัวเราะ โดยได้ทำการสืบสวนหาข่าว พบการจำหน่ายแก๊สไนตรัสออกไซด์ที่ไม่มีเลขสารบบอาหารผ่าน shopee ชื่อ “MosaWhipWholesale” จึงทำการสืบสวนจนทราบถึงสถานที่ผลิต และสถานที่จัดเก็บ
ต่อมาในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้นำหมายค้นของศาลแขวงนนทบุรี เข้าทำการตรวจค้นสถานที่จัดเก็บ และส่งสินค้า ในพื้นที่ ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ผลการตรวจค้นพบนายปฎิพัทต์ (สงวนนามสกุล) แสดงตัวเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ตรวจยึด ผลิตภัณฑ์แก๊สวิปครีมไนตรัสออกไซด์ที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง จำนวน 15,000 หลอด
จากการสอบถาม นายปฎิพัทต์ฯ แจ้งว่ารับซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มาจากโกดังเก็บสินค้าในพื้นที่ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าทำการตรวจสอบ โกดังซึ่งเป็นสถานที่จัดเก็บ และส่งสินค้า เพิ่มเติม พบนายดนัย (สงวนนามสกุล) เป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ตรวจยึด 1.ผลิตภัณฑ์ แก๊สวิปครีมไนตรัสออกไซด์ที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง จำนวน 55,000 หลอด และ 2.ลูกโป่ง จำนวน 500 ลูก โดย นายดนัย ฯ รับว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นของ น.ส.พรธิดา (สงวนนามสกุล) และ Mr.Wesley (สงวนนามสกุล) สัญชาติสิงคโปร์ รวมตรวจค้นทั้งหมด 2 จุด ตรวจยึดผลิตภัณฑ์แก๊สวิปครีมไนตรัสออกไซด์ที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง จำนวน 70,000 หลอด พร้อมลูกโป่ง จำนวน 500 ลูก มูลค่ากว่า 2,000,000 บาท ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี
เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 ฐาน “จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง” ระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท
กรณีหากนำแก๊สไนตรัสออกไซด์มาบรรจุลูกโป่งจำหน่าย จะเป็นความผิดฐาน “ผลิต ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาทตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510
พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ปฏิบัติการตรวจค้นในครั้งนี้ เป็นมาตรการป้องกันและปราบปราม การผลิต และจำหน่ายลูกโป่งบรรจุแก๊สไนตรัสออกไซด์ (ลูกโป่งแก๊สหัวเราะ) ต่อเนื่องจากการระดมกวาดล้าง ในพื้นที่ถนนข้าวสารครั้งก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเฝ้าระวังและป้องกันปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้ได้ตรวจค้น ขยายผลถึงแหล่งจำหน่ายแก๊สไนตรัสออกไซด์รายใหญ่ที่นำมาจำหน่ายให้กับร้านค้า ซึ่งอาจนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพื่อผลิตและจำหน่ายลูกโป่งแก๊สหัวเราะให้นักท่องเที่ยวตามสถานบันเทิงต่างๆ และขอเตือนไปยังนักท่องเที่ยว ให้หลีกเลี่ยงการใช้ลูกโป่งแก๊สหัวเราะเนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงต่อสมองและระบบประสาท สำหรับประชาชนที่พบเห็นการลักลอบจำหน่ายลูกโป่งเเก๊สหัวเราะ หรือพบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา