สตม.จับ 4 ต่างด้าว อินโดหลอกลงทุน Forex -หนุ่มกิมจิฉ้อโกง 500ล้านวอน-บังกลาเทศ 19 คนลักลอบเข้าเมือง-ผู้ร้ายข้ามแดนหนีซุกป่าตอง

0
330

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม .,พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ผบก.ตม.3,พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ
ผบก.ตม.6,พ.ต.อ.ศุภโชค หยงสตาร์ รอง ผบก.ตม.6,พ.ต.อ.รัฐโชติโชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3,พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.จิรพงศ์รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3,พ.ต.อ.พูลศักดิ์ แก้วศรีขาว ผกก.ตม.จว.นราธิวาส, พ.ต.อ.เด่นชาย เจริญยุทธ ผกก.สส.บก.ตม.6, พ.ต.อ.เกรียงไกร อาริยะยิ่ง ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต, พ.ต.ต.กรัณฑ์วาริษฐ์ สมจันทร์ สว.ตม.จว.นราธิวาส ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

1สตม.รวบหนุ่มอินโด หนีคดีหลอกลงทุน Forex ซุกไทย Overstay นานกว่า 2 ปี บก.สส.สตม.จับกุมนายพอล (นามสมมติ) อายุ 39 ปี สัญชาติอินโดนีเซีย โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.ดำเนินคดีตามกฎหมาย พฤติการณ์จับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม.ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศตม.พบว่า นายพอล (นามสมมติ) อายุ 39 ปี สัญชาติอินโดนีเซีย การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด (Overstay)นานกว่า 2 ปี และเป็นบุคคลที่องค์การตำรวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL RED NOTICE) จึงได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่กงสุลฝ่ายตำรวจ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย รับแจ้งว่า นายพอล เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย กระทำความผิดในข้อหา ฉ้อโกง โดยการหลอกให้ผู้เสียหายร่วมลงทุน Forex มูลค่าความเสียหายคิดเป็นเงินไทยประมาณ 320 ล้านบาท และปัจจุบันยังหลบหนีคดีเป็นที่ต้องการตัวของทางการอินโดนีเซีย พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม.จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการจัดกำลังสืบสวนติดตามจับกุม จนกระทั่งต่อมาสืบทราบว่า นายพอล ได้ไปซื้อบ้านหรูราคากว่า 8 ล้านบาทอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางใหญ่ จว.นนทบุรีโดยใช้ชื่อภรรยาซึ่งเป็นคนไทยเป็นผู้ซื้อและเป็นเจ้าบ้าน จึงได้ทำการขออนุมัติศาลแขวงนนทบุรีออกหมายค้นบ้านพักหลังดังกล่าว จากการตรวจค้นพบนายพอล และพบเงินสดสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท อยู่ในตู้เซฟภายในห้องนอน สอบถามนายพอล ให้การว่าตนเองถูกทางอินโดนีเซียออกหมายจับในข้อหาหลอกให้ร่วมลงทุน Forex มูลค่าความเสียหายคิดเป็นเงินไทย ประมาณ 320 ล้านบาทจริง และได้หลบหนีหมายจับของทางการอินโดนีเซียมากบดานอยู่ในประเทศไทย โดยไม่คิดว่าจะถูกตามตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อหาและจับกุมนายพอล ในข้อหาเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

2.สตม.รวบหนุ่มกิมจิหนีหมายจับเกาหลีฉ้อโกง 500 ล้านวอน แอบกบดานในไทยจน Overstay บก.ตม.3 จับ MR.K (นามสมมติ) อายุ 43 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อประมาณต้นเดือน มกราคม 2567 กก.สส.บก.ตม.3 ได้สืบสวนทราบว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติเกาหลีใต้ มีพฤติการณ์น่าสงสัยซึ่งอาจเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย จึงได้สืบสวนข้อมูลในเชิงลึกพบว่า MR.K (นามสมมติ) อายุ 43 ปีได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เมื่อเดือนเมษายน 2566 และอยู่ในประเทศไทยจนกระทั่งการอนุญาตสิ้นสุด(Overstay)โดยไม่ดำเนินการขออยู่ต่อในราชอาณาจักรให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้ขอให้สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ตรวจสอบประวัติของ MR.K รับแจ้งว่า MR.K
เป็นบุคคลที่มีหมายจับและเป็นที่ต้องการตัวของประเทศเกาหลีใต้ในข้อหา “ฉ้อโกง” มูลค่าความเสียหายกว่า 500ล้านวอน (12 ล้านบาท) และองค์การตำรวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL RED NOTICE) กก.สส.บก.ตม.3 จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนติดตามเพื่อจับกุมตัว MR.K ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.3 สืบทราบว่าMR.K ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งใน อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ จึงได้ไปเฝ้าสังเกตการณ์และได้พบMR.K จึงได้จับกุมในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

3สตม.จับกุมชาวบังกลาเทศ 19 คน “ใช้ดวงตรา รอยตราประทับปลอม และลักลอบหลบหนีเข้าเมือง”เพื่อไปทำงานมาเลเซีย ตม.จว.นราธิวาส จับกุมชาวบังกลาเทศ จำนวน 19 คน โดยกล่าวหาว่า “ปลอมหรือใช้รอยตราประทับปลอมฯ,ปลอมหรือใช้เอกสารราชการปลอมฯ,เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตากใบ จว.นราธิวาส ดำเนินคดีตามกฎหมาย พฤติการณ์จับกุมก่อนทำการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากประชาชนว่าพบเห็นบุคคลลักษณะ
คล้ายคนต่างด้าว อยู่บริเวณภายในตลาดตาบา ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จว.นราธิวาส จึงเดินทางไปตรวจสอบเมื่อไปถึงสถานที่ดังกล่าวพบเห็นคนต่างด้าวจำนวน 1 คน อยู่บริเวณหน้าอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จว.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวคนต่างด้าว หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง โดยคนต่างด้าวดังกล่าวแจ้งว่าหนังสือเดินทางของตนอยู่ในตัวอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าว และแจ้งอีกว่ายังมีคนต่างด้าวอยู่ภายในตัวอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าวอีก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ให้คนต่างด้าวดังกล่าวพาเข้าไปตรวจสอบเมื่อเข้าไปภายในตัวอาคารพบคนต่างด้าวอยู่ภายในอีกจำนวน 18 คน โดยผลการตรวจสอบหนังสือเดินทางทั้ง 19 คนเป็นหนังสือเดินทางประเทศบังกลาเทศทั้งหมดพบว่ามีรอยตราประทับขาเข้าของด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรหัส A0370 ระบุวันที่ 2 JAN 2024 จำนวน 2 เล่ม ระบุวันที่ 8 JAN 2024 จำนวน 15 เล่มระบุวันที่ 9 JAN 2024 จำนวน 2 เล่ม และยังพบว่าทั้ง 19 เล่ม แผ่นปะตรวจลงตรา (Visa) มีลักษณะผิดปกติจึงได้ตรวจสอบกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. ผลการตรวจสอบไม่ปรากฎข้อมูลการเดินทางเข้าราชอาณาจักรแต่อย่างใดจึงได้นำตัวมาตรวจสอบที่ สภ.ตากใบ จากการสอบถามชาวบังกลาเทศทั้ง 19 คน รับว่าพวกตนได้เดินทางมาจากประเทศบังกลาเทศและพักอาศัยอยู่ประเทศกัมพูชา โดยมีชาวบังกลาเทศที่อยู่ในประเทศกัมพูชาคอยช่วยเหลือสนับสนุนที่พักรวมทั้งเอาหนังสือเดินทางของพวกตนไปดำเนินการประทับรอยตราประทับขาเข้าประเทศไทยให้และนำมาคืนก่อนที่จะพาพวกตนลักลอบข้ามพรมแดนมายังประเทศไทยเพื่อจะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียแต่ถูกจับกุมเสียก่อน โดยได้จ่ายค่าเดินทางพร้อมค่าใช้จ่ายการประทับตราขาเข้าประเทศไทยให้กับนายหน้าแล้วทั้งหมดที่ประเทศบังกลาเทศ เป็นเงินจำนวนคนละ 400,000 – 500,000 ตากา คิดเป็นเงินไทยประมาณ 145,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตากใบ เพื่อดำเนินคดีตามข้อกล่าวหาดังกล่าว ทั้งนี้ตม.จว.นราธิวาส และ สภ.ตากใบ จะได้ร่วมกันสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำผิดต่อไปในภาพรวมขบวนการเครือข่ายลักลอบขนชาวบังกลาเทศ เริ่มพบความเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้นปี2566 ซึ่งทิศทางการลักลอบมาจากประเทศกัมพูชา ผ่านช่องทางธรรมชาติด้านพื้นที่ จว.สระแก้ว ในช่วงต้นปี2566เป็นการลักลอบเดินทางโดยเครื่องบิน และมีการเก็บค่าดำเนินการกับชาวบังกลาเทศที่ลักลอบฯ ค่อนข้างสูงหลักแสนบาท ก่อนที่ขบวนการดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนวิธีการลักลอบ จากโดยสารเครื่องบิน ไปเป็นการเดินทางโดยรถยนต์ในลักษณะเคลื่อนย้ายคนต่างด้าวเป็นทอด ๆ จากชายแดนประเทศกัมพูชา เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑล และเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ภาคใต้ซึ่งแนวโน้มในการกระทำความผิดของผู้ร่วมขบวนการยังพบการกระทำความผิดอย่างต่อเนื่องและมีการเปลี่ยนแผนประทุษกรรมและรูปแบบการเคลื่อนย้ายโดยช่วงหลังมีการตรวจพบเป็น
ลักษณะการปลอมแปลงรอยตราประทับของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและปลอมแผ่นประการตรวจลงตรา (Visa)เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ในการเดินทางออกไปประเทศมาเลเซีย

4.สตม.ตามรวบผู้ร้ายข้ามแดนหนีโทษจำคุก 10 ปีพบ ! ถือ 2 สัญชาติ หลบทำงานดีเจย่านป่าตอง ตม.จว.ภูเก็ต จับกุม นายอาชมาล (นามสมมติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเบลเยี่ยม และโมร็อกโก ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 878/2566 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, ครอบครองเครื่องกระสุนปืน ชิ้นส่วนอะไหล่หรืออุปกรณ์เสริมซึ่งติดตั้งบนอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำตัวส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ เพื่อดำเนินการตามพ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 สืบเนื่องจากสำนักงานอัยการสูงสุด ได้มีหนังสือถึง สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งหมายจับนายอาชมาล(นามสมมติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเบลเยี่ยม ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 878/2566 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2566ในความผิดฐาน “พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ,พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ครอบครองเครื่องกระสุนปืน ชิ้นส่วนอะไหล่หรืออุปกรณ์เสริมซึ่งติดตั้งบนอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต” เพื่อให้ทำการจับกุมแล้วนำตัวส่งให้พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 โดยตามความผิดดังกล่าวศาลอุทธรณ์แห่งกรุงบรัสเซลส์ประเทศเบลเยี่ยมได้ตัดสินให้จำคุกนายอาชมาลเป็นเวลา 10 ปี พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดสืบสวนติดตามจับกุมนายอาชมาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ตม.จว.ภูเก็ต จึงได้ตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่าก่อนหน้าที่จะมีการดำเนินการออกหมายจับ ผู้ต้องหารายนี้ได้ใช้หนังสือเดินทางประเทศเบลเยี่ยมเดินทางเข้า-ออก ประเทศไทยหลายครั้ง
ต่อมาภายหลังพบว่ามีการเปลี่ยนมาใช้หนังสือเดินทางของประเทศโมร็อกโก และแจ้งที่พักอาศัยไม่เป็นหลักแหล่งทั้งกรุงเทพฯ ศรีสะเกษ และภูเก็ต สลับกันไป โดยล่าสุดพบว่ามีการเดินทางเข้ามาและแจ้งสถานที่พำนักในพื้นที่ จว.ภูเก็ตและจากตรวจสอบการแจ้งที่พักในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม.พบอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งย่านป่าตอง ต้องสงสัยว่า
ผู้ต้องหารายนี้จะพักอาศัยอยู่ จึงได้มีการลงพื้นที่หาข่าวจนสืบทราบว่าตัวผู้ต้องหารายนี้ เคยเข้าพักและไปๆมาๆ อยู่หลายครั้ง และแฝงตัวทำงานเป็นดีเจในสถานบริการแห่งหนึ่งในพื้นที่ป่าตอง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพิสูจน์ทราบจนแน่ชัดว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ภายในอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าว จึงได้เข้าตรวจสอบพบ นายอาชมาล พร้อมหนังสือประเทศโมร็อกโก และหนังสือเดินทางประเทศเบลเยี่ยมที่เคยใช้เดินทาง จึงได้แสดงหมายจับ และจับกุมนำตัวส่งพนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป