จากกรณีนายเอ(นามสมมติ) อายุ 54 ปีหนุ่มวินรถจักรยานยนต์รับจ้างก่อเหตุสลดฆ่ายกครัวอดีตภรรยา 4 ศพ ประกอบด้วย แม่ ป้า และลูกวัย 7 ขวบ กับ 9 ขวบ ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปที่ศาลาริมทางยิงตัวเองเสียชีวิตหนีความผิด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ส.ค.66 เวลา 19.30 น.ที่ผ่านมา ที่คอนโดฯ แห่งหนึ่ง ในซอยแจ้งวัฒนะ 6 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
วันที่ 8 ส.ค.66 ที่สำนักงานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี จ.ปทุมธานี นางสาว ชมพู่ อายุ 39 ปี อดีตภรรยา หนุ่มวินจักรยานยนต์คลั่งฆ่ายกครัว 4 ศพก่อนยิงตัวตายตามเป็นศพที่ 5 ได้เดินทางมาที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ร่ำไห้ร้อง “นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯ” ช่วยเหลือในสภาพจิตใจย่ำแย่ซ็อกกับเหตุการณ์ ขอให้มูลนิธิปวีณาฯช่วยเหลือทางด้านคดีและสภาพจิตใจ และไม่มีเงินจัดงานศพบุคคลอันเป็นที่รักทั้ง 4 ศพ ซึ่งอยู่ระหว่างทำการชันสูตรที่ รพ.ภูมิพลฯ
นางสาวชมพู่ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนมีลูกติดจากสามีเก่า 5 คน ก่อนจะมาอยู่กินกับนายเอ ได้ประมาณ 6 ปี ไม่มีลูกด้วยกัน ลูก 2 คน อาศัยอยู่กับป้าที่คอนโด ส่วนลูกอีก 3 คน อาศัยอยู่กับพ่อในซอยเดียวกันที่เกิดเหตุ ขณะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนายเอ ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรในครอบครัวมากนัก ส่วนใหญ่ตนจะเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว โดยการขับวินรับจ้าง และขับแกร็บคาร์ ระยะหลังนายสมชาย เริ่มมีพฤติกรรมรุนแรง ฉุนเฉียว ด่าทอคนในครอบครัวอยู่เป็นประจำ จึงได้หย่าขาดกัน และตนเองทนไม่ไหวไปอาศัยอยู่กับลูกสาวย่านเอกมัยได้ 2 เดือน แต่ยังติดต่อกับนายเอ อยู่เป็นบางครั้ง ซึ่งนายเอ พยายามง้อให้ตนกลับมาอยู่กินด้วยกันเหมือนเดิม แต่ตนไม่กลับ กระทั่งก่อนเกิดเหตุ 2 วัน ตนได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือใหม่ ทำให้นายเอ ติดต่อตนไม่ได้ อาจจะเป็นสาเหตุ ทำให้นายเอ โกรธ จึงเข้าไปก่อเหตุบุกยิงยกครัวก่อนยิงตัวเองตายตาม ตอนนี้หนูยังช็อกทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ และยังไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่มีเงินในการจัดงานศพ แม่ ป้า และลุกอีก 2 คน ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือทั้งเรื่องคดี และสภาพจิตใจ
นางปวีณา จึงได้โทรศัพท์นัด นต.อรรถสิทธิ์ ดุลอำนวย รพ.ภูมิพลฯ เพื่อไปรับศพเวลา 15.00 น.ที่รพ.ภูมิพลฯ ห้องศพอาคาร 14 พร้อมประสานพระครูรุ่งแสง เจ้าอาวาสวัดเกาะสุวรรณาราม เขตสายไหม กทม.เพื่อนำศพไปจัดบำเพ็ญกุศลทั้ง 4 ศพ ในวันนี้ โดยมีพิธีรดน้ำศพ เวลา 16.30 น.ที่ศาลา 6 โดยมูลนิธิปวีณาฯเป็นเจ้าภาพตลอดงานร่วมกับวัดเกาะสุวรรณาราม นอกจากนี้ นางปวีณา ได้ประสานทาง พ.ต.อ.มารุต สุดหนองบัว ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อจะนัดหมายพานางสาว ชมพู่ อดีตภรรยาไปให้สอบปากคำหลังจากสภาพจิตใจดีขึ้น โดยมูลนิธิปวีณาฯจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือเยียวยา สภาพจิตใจ นางสาวชมพู่และลูก ๆ ที่เหลืออยู่เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว และนางปวีณาจะประสานกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกระทรวงยุติธรรมก่อนจะพานางสาวชมพู่ไปยื่นคำร้องขอรับเงินเยียวยาผู้เสียหายทางคดีต่อไป
ต่อมาเวลา 15.00 น.นางปวีณา ได้พานางสาวชมพู่ ที่อยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจเดินทางไปที่ รพ.ภูมิพลฯ เพื่อรับศพ แม่ ป้า และลูกอีก 2 คน รวม 4 ศพ ที่ห้องศพ อาหาร 14 ก่อนเคลื่อนศพทั้งหมดมาบำเพ็ญกุศลที่วัดเกาะสุวรรณาราม เขตสายไหม กรุงเทพฯ โดยมีกำหนดการบำเพ็ญกุศลหมู่ 4 ศพที่ศาลา 6
