แม่ร้อง”ปวีณา”ลูกสาววัย 30 ปี เสียชีวิตปริศนา แพทย์ตรวจพบมีสารปรอท สังกะสี สารหนูในร่างกาย เร่งตำรวจชุมพร สอบปมสงสัย

0
518

วันที่ 4 ก.ค.66 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พาแม่ผู้เสียชีวิตที่ร้องทุกข์มายังมูลนิธิปวีณาฯ สงสัยการเสียชีวิตของลูกสาว ที่แพทย์ตรวจพบสารปรอท สังกะสี และสารหนูในร่างกาย ป่วยอาการโคม่าจนเสียชีวิต เข้าพบ พล.ต.ต.จารุต ศรุตยาพร ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.เทเวศร์ ปลื้มสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองชุมพร พร้อมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับรูปคดี และขออายัดศพไว้เพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ก่อนจะร่วมประชุมกับ นพ.อนุ ทองแดง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร พญ.ปัทมพันธ์ อนันตาพงศ์ ผอ.รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และแพทย์ที่ให้การรักษา เพื่อสรุปผลการรักษาผู้ป่วยก่อนเสียชีวิตเบื้องต้น

สืบเนื่องจาก นางแก้ว (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่า สงสัยการเสียชีวิตของ น.ส.เก๋ (นามสมมุติ) ลูกสาวอายุ 30 ปี หลังป่วยหนักและแพทย์ตรวจพบสารปรอท สังกะสี และสารหนูในร่างกาย คาดว่ามีเงื่อนงำอาจเกิดจากการถูกวางยา ซึ่งขณะนี้ศพยังอยู่ที่โรงพยาบาล จึงขออายัดศพ

นางแก้ว ผู้เป็นแม่ เล่าว่า วันที่ 24 มิ.ย.66 แม่ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ชุมพร แจ้งว่า ลูกสาวเข้ารับการรับการรักษาอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. เพราะมีอาการชักเกร็ง บางครั้งอาการก็ดีขึ้น บางครั้งหัวใจก็ทำงานผิดปกติ แพทย์ตรวจพบสารปรอท สังกะสี และสารหนูในร่างกาย โดยมี นายบี (นามสมมุติ) สามีของลูกสาวเฝ้าดูแลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนายบีให้ข้อมูลกับทางโรงพยาบาลว่า ภรรยาและครอบครัวภรรยามักจะกินสารปรอทเพราะมีความเชื่อว่าป้องกันโรคมะเร็งได้ ต่อมาลูกสาวได้ให้ข้อมูลกับทางโรงพยาบาลว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่เคยหาสารปรอทมากินเอง ซึ่งแม่และญาติก็ไม่มีใครเคยกินสารปรอท นอกจากนี้ลูกสาวยังขอให้ทางโรงพยาบาลช่วยติดต่อแม่ อยากเจอแม่มาก เพราะอาการของลูกสาวไม่สู้ดี จากนั้นวันที่ 25 มิ.ย. แพทย์ได้ส่งตัวลูกสาวไปรักษาต่อที่ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ โดยเข้าอยู่ในห้องไอซียู แม่จึงรีบเดินทางไปเยี่ยมลูกที่โรงพยาบาลทันที เมื่อไปถึงเห็นสภาพลูกแม่ใจแทบสลาย เพราะนอนลืมตาแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้

แม่กล่าวอีกว่า เมื่อ 7 ปีก่อน นายบีได้พาลูกสาวหนีไปจดทะเบียนสมรสอยู่กินกันและมีลูกด้วยกัน 2 คน ส่วนแม่กับลูกสาวก็ห่างกันไป โดยปัจจุบันนายบี มีหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทเคมิคอลแห่งหนึ่ง อยู่ในวงการเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์การแพทย์ และสารเคมี แม่เพิ่งมาทราบว่าเมื่อปี 65 ลูกสาวสืบทราบว่านายบีมีหญิงอื่น  และได้มีการฟ้องชู้ ต่อมานายบีขอเจรจาขอจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้ และฝ่ายหญิงได้ไปถอนฟ้อง ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองก็ยังอยู่ด้วยกัน ลูกสาวจะอยู่แต่บ้านไม่ออกไปไหน กินข้าวกินอาหารที่บ้านกับสามีตลอด หลังจากมีเรื่องฟ้องร้องกันตั้งแต่ปี 65 ลูกสาวก็ไม่สบายเรื่อยมา ซึ่งก่อนหน้านี้แพทย์ได้เคยมีการตรวจพบสารปรอท สังกะสี และสารหนูในร่างกายลูกสาวมาก่อน และนายบีได้ส่งเลือดไปตรวจที่โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่เพื่อยืนยันและอ้างว่าฝ่ายหญิงและครอบครัวกินสารปรอทป้องกันมะเร็งทั้งที่ไม่เป็นความจริง แม่สงสัยว่าสารอันตรายเหล่านี้เข้าไปอยู่ในร่างกายลูกสาวได้อย่างไร ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองชุมพร ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยตรวจสอบให้ความเป็นธรรม และขออายัดศพไว้เพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง จำเป็นต้องให้ทางตำรวจและแพทย์เป็นผู้วินิจฉัยและสรุปสำนวน ซึ่งได้ประสาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีนี้แล้ว โดยวันนี้ได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.จารุต ศรุตยาพร ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.เทเวศร์ ปลื้มสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองชุมพร นายแพทย์อนุ ทองแดง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร พญ.ปัทมพันธ์ อนันตาพงศ์ ผอ.รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และแพทย์ที่ให้การรักษา ซึ่งคาดว่าทางตำรวจและโรงพยาบาลจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้