“สันติ-ชัยวุฒิ”นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี 7 เขตขอโอกาสชาวปทุมฯเลือก พปชร.ยกจังหวัด รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ทิ้งอดีต จับมือเดินหน้าร่วมพัฒนาประเทศ

0
705

 เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 4 มี.ค.66 ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่เวทีปราศรัย ณ สวนบริษัท เคเอสเอส อินเตอร์เทคกรุ๊ป ย่านคลองสามนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำว่าที่ผู้สมัครจังหวัดปทุมธานีทั้ง 7 เขต ได้แก่ เขต 1 นายเสวก ประเสริฐสุข, เขต 2 นายนพดล ลัดดาแย้ม,เขต 3 นายปรีชา ชื่นชนกพิบูล,เขต 4 นายยุทธวัฒน์ หาญเกียรติกล้า,เขต 5 นายวิรัช พยุงวงษ์,เขต 6 นายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง,และ เขต 7 น.ส.กฤษณา วงศ์คำ ขึ้นเวทีปราศรัยพบประชาชน  โดยมี ภ.ญ.นพวรรณ หัวใจมั่น ว่าที่ผู้สมัคร เขตบางเขต  และ ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตดุสิต และนายทศพล เพ็งส้ม ว่าที่ผู้สมัครส.ส.จังหวัดนนทบุรี  พรรคพลังประชารัฐร่วมกิจกรรมเวทีปราศรัย

 นายสันติ กล่าวว่า ตนดีใจที่วันนี้ชาวปทุมธานีให้การต้อนรับผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐอย่างอบอุ่น ซึ่งทั้ง 7 คน มีความตั้งใจที่จะเข้ามาพัฒนา และแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวจังหวัดปทุมธานีอย่างแท้จริง ถ้าปทุมธานีให้โอกาสกับตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐทั้งจังหวัด ก็จะเกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน

 นายสันติ กล่าวต่อว่า ปัญหาต่างๆ ที่ชาวปทุมธานีเผชิญอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถติด หรือน้ำท่วม น้ำแล้งรวมไปถึงราคาพืชผลทางการเกษตร เช่น ปุ๋ยแพง หรือแม้กระทั่งการพัฒนาลูกหลานของเรา จะได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและเป็นรูปธรรมผ่านว่าที่ ส.ส.ทั้ง 7 คนนี้ ที่จะเข้าไปเป็นกระบอกเสียงชั้นเยี่ยมให้กับท่าน และจะเป็นปรากฎการณ์ที่ชาวปทุมธานีสร้างพลังอย่างยิ่งใหญ่ ร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เสียงของท่านก็จะดังมากขึ้นอย่างแน่นอน

 ด้านนายชัยวุฒิ กล่าวว่า วันนี้ตนขอโอกาสมาพูดคุยกับทุกคน เพื่อเล่าถึงนโยบายดี ๆ ของพรรคพลังประชารัฐ เราต้องยอมรับว่า จังหวัดปทุมธานีเป็นจังหวัดที่มีความพร้อม และศักยภาพที่จะพัฒนาไปได้อีกไกล ตนดีใจแทนชาวปทุมทุกคน ที่มีทีมงานที่เข้มแข็งทั้ง 7 คน ตนคงไม่ต้องอธิบาย ว่าทุกคนเข้มแข็งอย่างไร เพราะชาวปทุมธานีน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ มาจากหลายหลายอาชีพที่จะมาช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพื่อพี่น้องทุกคน แต่วันนี้ยังขาดอยู่อย่างเดียวก็คือ โอกาสจากทุกคน ผมจึงขอให้ชาวปทุมให้โอกาสกับทั้ง 7 คนได้เข้ามาทำงานเพื่อพี่น้องด้วย

 “นโยบายที่เป็นสโลแกนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐก็คือ การก้าวข้ามความขัดแย้ง เราไม่ได้อยากพูดถึงอดีต แต่ต้องยอมรับว่า 8 ปีที่ผ่านมาคนไทยไม่มีความสุข จนวันนี้เห็นภาพที่ชัดเจนแล้วว่า เราสามารถก้าวข้ามความขัดแย้งได้แล้ว พิสูจน์ได้จากผู้สมัครปทุมธานีของพรรคเรา อย่าง นายกใหญ่ ก็คือแกนนำคนเสื้อแดงมาก่อน ส่วนพี่เกียรติศักดิ์ ก็เคยขึ้นเวที กปปส.มาแล้ว คอการเมืองรู้จักทั้ง 2 คนดี แต่วันนี้ทั้งคู่จับมือกันภายใต้บ้านพลังประชารัฐ ร่วมกันก้าวข้ามความขัดแย้ง อดีตจะเป็นอย่างไร มันจบไปแล้ว ใครที่ยังไม่ยอมก้าวข้ามจากอดีตก็ปล่อยให้จมอยู่กับแบบนั้น วันนี้เราจะจับมือกันเดินไปข้างหน้า เพื่อพัฒนาประเทศและจังหวัดปทุมธานีไปด้วยกัน

 ด้านนายเสวก ประเสริฐสุข หรือ นายกใหญ่ อดีตรอง นายก อบจ.ปทุมธานี ว่าที่ผู้สมัครเขต 1 กล่าวปราศรัยว่า ปัญหาของชาวจังหวัดปทุมธานีที่เรื้อรังมาโดยตลอดคือเรื่องการคมนาคม ถนน หนทางที่ยังมีปัญหา วันนี้ผมขอโอกาสเป็นหัวหน้าทีมผู้สมัครปทุมธานีในนามของพรรคพลังประชารัฐ ผมขอเวลาแค่ 4 ปี เพื่อเข้ามาพัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ของชาวปทุมธานีให้ดีขึ้นกว่าเดิม

 ทั้งนี้ ในช่วงที่นายสันติกล่าวถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็น บัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน  หรือ นโยบาย”ดูแลทุกช่วงวัย แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ” เพื่อดูแลสตรีของประเทศ โดยจะดูแลขณะตั้งครรภ์ตั้งแต่เดือนที่ 4 ไปจนถึงคลอดบุตร สนับสนุนเงินเดือนละ 10,000 บาท เป็นจำนวน 5 เดือน และให้การช่วยเหลือเงินเลี้ยงบุตรจำนวนเงิน 3,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 6 ปี เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับผู้หญิงที่เป็นเพศแม่นั้น ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนชาวจังหวัดปทุมธานีอย่างคับคั่ง ซึ่งนายสันติ ได้กล่าวว่า พรรคของเราจะสร้างความมั่นคงให้กับคนไทยทุกคน ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนเลือกตัวแทนของท่านที่มาจากพรรคพลังประชารัฐเข้าไปในสภา เพื่อยกมือให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของเราได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เราจะทำทันทีที่ได้โอกาส

 นายเสวก กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วย ถึงกรณีกระแสข่าวที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ที่หันไปซบ พรรคภูมิใจไทยนั้นจะมีผลกระทบกับคะแนนเสียงตรงหรือไม่นั้น ตนเองขอยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบอย่างแน่นอนเพราะตนเองเป็นตัวของตัวเอง ส่วนตัวท่านพล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะไปทางไหนตนไม่รู้เลยแต่วันนี้สังคมเขารู้เอง ส่วนตัวตนเองกับท่านพล.ต.ท.คำรณวิทย์ นั้นก็มีพูดคุยกันบ้างแต่ไม่คุยกันเรื่องการเมืองแต่เรายังเป็นพี่น้องกันอยู่

ซึ่งตอนนี้ตนไม่ได้มองถึงเรื่องไหนแม้กระทั่งเรื่องคะแนน ตนเองเพียงต้องการทำให้ปทุมธานีเจริญเพียงอย่างเดียว จึงอยากจะให้ประชาชนชาวปทุมธานีมองคนภาพคนที่จริงใจ คนที่มีความซื่อสัตย์ต่อประชาชน และคนที่มีอุดมการณ์ หากคนไม่มีอุดมการณ์ประชาชนอย่าไปเลือก อีกทั้งตนเองมั่นใจจะสามารถนำทีมเข้าได้ทั้ง 7 เขตหลังก่อนหน้านี้สร้างทีมงานคนรักปทุมธานี เข้าสภา อบจ.ปทุมธานี มาแล้ว

 ขณะที่ นายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง ว่าที่ผู้สมัคร เขต 6 กล่าวว่า วันนี้เป็นเปิดเวทีปราศรัยของว่าที่ผู้สมัครเขต 6 ปทุมธานี พปชร.เราเชื่อว่าการปราศรัยให้พี่น้องประชาชนจะเป็นการกลั่นกรองคนได้เราเชื่อมั่นในการให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชน จึงจัดให้มีเวทีปราศรัยเพื่อให้พี่น้องประชาชนมารับฟังข้อมูลรับฟังทิศทาง การลงสมัครในครั้งนี้ตนเองมั่นใจเป็นอย่างมากเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากประชาชนเห็นตนเองทำงานมาตั้งแต่เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในปี 2554 มาจนถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งตนเองได้ลงพื้นที่อย่างหนักมาโดยตลอด จึงอยากให้ประชาชนเลือกคนที่ทำงานมาทำงานให้กับประชาชน

 นายเกียรติศักดิ์ กล่าวถึงสโลแกนหาเสียงก้าวข้ามความขัดแย้งปทุมธานีสู่สากลเลือกคนทำงาน เลือกคนดีไปทำหน้าที่ให้กับพี่น้องประชาชน ก้าวข้ามความขัดแย้งของพรรคพลังประชารัฐ ปทุมธานีต้องเปลี่ยนโฉม ลำลูกกาต้องพัฒนา สมาร์ทซิตี้เป็นเมืองดิจิตอลการลงทุน