“พลังสามัคคีไม่ใช่พลังแห่งความปาฏิหาริย์ แต่เป็นพลังแห่งความรักและความปรองดอง ซึ่งเป็นแรงที่ขับเคลื่อนให้เราก้าวเดินต่อไปข้างหน้าไปสร้างอนาคตที่ดีให้กับสังคมและประเทศชาติ ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคน้อยใหญ่เพียงใด หากเรามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้ว เราจะบังเกิดแรงขับเคลื่อนให้ผ่านพ้นอุปสรรคนั้นๆไปได้”
คุณหนึ่ง-ณัฐธีร์ พัสวีดิลกภัทร์ หัวหน้าพรรคไทยเป็นหนึ่ง ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงได้กล่าวเริ่มต้นเกี่ยวกับเรื่องความสามัคคีซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะหนุนนำให้ประเทศชาติได้ก้าวหน้าและมีความสงบสุขอย่างยั่งยืน โดยเขากล่าวด้วยว่า ที่ตั้งพรรคไทยเป็นหนึ่งขึ้นมา ไม่ได้ต้องการให้เป็นพรรคของใครคนใดคนหนึ่งแม้แต่เป็นของตัวเองและครอบครัว แต่มีจุดยืนที่สำคัญคือ ต้องการให้เป็นพรรคแห่งมหาชนชาวไทยทุกคน โดยต้องการให้เป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมและสนับสนุนกระตุ้นเตือนให้คนไทยในชาติได้ตระหนักถึงความเป็นหนึ่งในเรื่องของความสามัคคี เพราะความสามัคคีเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างเกิดพลังบวกและสร้างสรรค์ ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในพิธีพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้าน จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2519 ความว่า
“คนเราอยู่คนเดียวไม่ได้ จะต้องอยู่เป็นหมู่คณะ และถ้าหมู่คณะนั้นมีความสามัคคี คือเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือในทุกเมื่อ ช่วยกันคิดว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่สมควร สิ่งใดที่จะทำให้นำมาสู่ความเจริญความมั่นคง ความสุขก็ทำ สิ่งใดที่นำมาซึ่งหายนะหรือเสียหายก็เว้น และช่วยกันปฏิบัติทั้งหน้าที่ทางกายทั้งหน้าที่ทางใจ”
คุณหนึ่งกล่าวด้วยว่า สำหรับความสามัคคีที่สังคมไทยต้องการคือ ความสามัคคีทางกายคือ การช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนการงานของหมู่คณะให้สำเร็จลุล่วงไม่รังเกียจเกี่ยงงอน แก่งแย่งชิงดีกัน หรือแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า และความสามัคคีทางใจคือ มีจิตใจรักใครหวัดดีต่อกัน ไม่บาดหมาง เกลียดชัง มีความคิดเห็นกลมเกลียว ช่วยกันคิดอ่านการงานของหมู่คณะด้วยใจซื่อตรง และหวังประโยชน์ส่วนรวม เป็นใหญ่ ไม่ทำความคิดเห็นแตกต่าง แก่งแย่งกันหรือคิดชิงดีกันด้วยอำนาจ ไม่ถือทิฐิมานะ ไม่ยอมรับฟังเสียงใคร ไม่แบ่งกลุ่ม แบ่งพรรค แบ่งพวก แบ่งสี โดยต้องล้างกลุ่ม ล้างพรรค ล้างพวก ล้างสี มีแต่ความเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น
“พรรคไทยเป็นหนึ่งพร้อมเปิดโอกาสให้คนไทยทุกคนที่มีแนวร่วมเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องของความสามัคคีได้เข้ามาช่วยกันผลักดันและขับเคลื่อนสังคมและประเทศชาติให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้าสร้างสรรค์พัฒนาประเทศชาติ ส่งเสริมและสนับสนุนผู้นำที่มีความสามารถและคุณธรรม ซึ่งตรงจุดนี้ตนเองพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม โดยเฉพาะไม่ยึดติดกันอำนาจมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยเป็นหนึ่งอีกด้วย”
หัวหน้าพรรคไทยเป็นหนึ่ง ยังกล่าวต่ออย่างชัดเจนว่า “พรรคไทยเป็นหนึ่งไม่ใช่พรรคของหนึ่ง ไม่ใช่พรรคของครอบครัวหนึ่ง และไม่ใช่พรรคของพรรคพวกหนึ่ง แต่เป็นของมหาชนปวงชนชาวไทย และตั้งใจทำพรรคไทยเป็นหนึ่งเป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง จากประโยคนี้จะเห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำที่ไม่ยึดติดกับอำนาจ แม้จะเป็นเด็กรุ่นใหม่แต่วิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำที่ไม่ยึดติดอำนาจถือเป็นคนที่น่าสนใจมากกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน หากประเทศไทยมีคนเช่นนี้ จะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญและไม่มีความขัดแย้งอย่างแน่นอน นอกจากวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำอย่างนี้ เรามาดูต่อกันว่า นโยบายของพรรคไทยเป็นหนึ่งจะออกมาอย่างไร โดนใจพี่น้องประชาชนหรือไม่ ต้องติดตาม”
สามารถติดตามความเคลื่อนไหวพรรคไทยเป็นหนึ่งได้ที่ Facebook : พรรคไทยเป็นหนึ่ง และ Facebook : หนึ่ง ไทยเป็นหนึ่ง