ผู้บริหารอุตสาหกรรมลงพื้นที่สวนกระท่อมคลองหลวง ปทุมธานี เยี่ยมชมให้คำปรึกษาหวังต่อยอดเป็นพืชเศรษฐกิจในอนาคต

0
791

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 นายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อม นายจุลพงษ์ ทวีศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมและเจ้าหน้าที่ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลงพื้นที่หมู่ 12 ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อเยี่ยมชมและให้คำปรึกษาแนะนำในการปลูกพืชกระท่อมในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี โดยมีนายเศรษฐรัชต์ เลือดสกุล อุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี น.ส.เกษร แสงงิ้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ให้การต้อนรับ

  นายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในด้านการควบคุมพื้นที่ปลูกพืชกระท่อม การใช้สารเคมีและสารปนเปื้อนในดิน การควบคุมคุณภาพขั้นตอนการแปรรูปพืชกระท่อมให้มีปลอดภัยต่อผู้บริโภค รวมถึงแนวทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่พืชกระท่อม ที่จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูก และการพัฒนากระบวนการผลิตไปสู่การค้าในเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งพืชกระท่อมมีสารสำคัญที่สามารถสร้างมูลค่าในเชิงพาณิชย์ได้ คือ สารไมทราไจนีน (Mitragynine) และ 7-ไฮดรอกซีไมทราไจนีน (7-Hydroxymitragynine) ซึ่งมีฤทธิ์ระงับปวด รักษาอาการท้องเสีย ลดน้ำหนัก ต้านการอักเสบได้

  โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี ได้ให้การส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างเครือข่ายผู้เพาะปลูกและแปรรูปกระท่อมเป็นสินค้าอุตสาหกรรม เช่น ส่วนผสมของยารักษาโรค อาหารและเครื่องดื่ม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มต่อระบบเศรษฐกิจตลอดจนเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับเกษตรกร

  ทางด้านนายจุลพงษ์ ทวีศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การลงพื้นที่พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมในครั้งนี้ เพื่อผลักดันตามนโยบายรัฐบาล ให้กระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ สามารถส่งขายเชิงพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรมได้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทย

  ส่วนน.ส.เกษร แสงงิ้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 กล่าวว่า หลังปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดแล้ว  ได้เห็นถึงทิศทางการสร้างรายได้ ในเรื่องของการต่อยอดหวังให้พืชกระท่อมกลับมาเป็นพืชเศรษฐกิจอีกครั้ง ด้วยการคิดนำเอาต้นกระทุ่มมาเป็นต้นตอเสียบยอดขยายพันธุ์ด้วยกระท่อมพันธุ์ดี การเพาะกล้า รวมถึงการจ้างแรงงาน สร้างรายได้ให้เกิดในชุมชน เพื่อที่จะขยายพันธุ์ไว้รองรับการตลาดให้กับเกษตรกร หรือคนทั่วไปที่มีความสนใจที่จะปลูกกระท่อม จึงสรุปได้ว่า ณ ขณะนี้พื้นที่ปลูกยังมีไม่มาก ยังอยู่ในขั้นตอนของการเริ่มต้น ในขณะที่ผู้คนทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองก็ยังสนใจที่จะปลูกต้นกระท่อมไว้ติดบ้านเป็นยาสัก 1-2 ต้น หรือเกษตรกรชาวสวนมีความต้องการที่จะปลูกกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจในครัวเรือน เก็บใบขาย หรือบางคนมีความคิดถึงขั้นว่าจะทำในรูปแบบของกลุ่มเครือข่ายสร้างอาชีพรองรับ ไม่ว่าจะเป็นการขยายพันธุ์ การเก็บใบขาย การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆในอนาคต

สำหรับ “กระท่อม” นั้น เป็นพืชที่มีการนำมาใช้ประโยชน์มาตั้งแต่โบราณ เนื่องจากมีสรรพคุณทางยา ในสมัยก่อนใช้เข้าเป็นตัวยาในตำรับพวกประเภทยาแก้ท้องเสีย ปวดเบ่ง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ท้องเสีย ท้องเฟ้อ ท้องร่วง ช่วยให้นอนหลับ และระงับประสาท ในมุมมองของแพทย์แผนไทยส่วนใหญ่ จะนำพืชใบกระท่อมมาใช้เป็นยารักษาแก้ท้องร่วง ในสูตรยาของหมอพื้นบ้านหรือหมอแผนโบราณ เช่น ตำรับยาประสะกระท่อม เป็นต้น

 ส่วนการใช้พืชกระท่อมของต่างประเทศพบว่า ใช้เป็นยารักษาอาการเรื้อรังต่างๆ เช่น ช่วยลดความดันโลหิต บรรเทาเบาหวาน แก้ไอ แก้ระบบย่อยอาหารไม่ปกติ เช่น ท้องเสีย บิดมีตัว ปวดท้องและกำจัดพยาธิในเด็ก และใช้เป็นการกระตุ้นร่างกายให้ทำงานหนักได้ และมีรายงานจากต่างประเทศกล่าวถึงการเริ่มศึกษาใบกระท่อมช่วยอาการซึมเศร้า โรควิตกกังวลและอื่นๆ อีกหลายโรคด้วย

 ทั้งนี้ การใช้พืชกระท่อมในลักษณะของการเป็นพืชสมุนไพร ยังคงต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ในระยะเวลาที่เหมาะสม และตัวพืชกระท่อมเองก็มีผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์อื่นๆ ด้วย เช่น ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีผิวคล้ำและเข้มขึ้น อาเจียน ท้องเสีย เบื่ออาหาร เป็นต้น