วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) นำโดย ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร, ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ร.ต.อ.ประธาน จตุพันธ์, ร.ต.อ.ธีระยุทธ วันโสภา, ร.ต.อ.พิมาย อินทร์มั่น, ร.ต.ท.ทนงศักดิ์ ประทุมผาย รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.และร่วมกับตำรวจ สภ.บางบาล และตำรวจ สภ.บางปะอิน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา จับกุมนายชยางกูร (นามสมมติ) อายุ 20 ปี ชาว จ.ตากพร้อมแรงงานต่างด้าว ชาวเมียนมา ชาย 4 คน หญิง 6 คนรวม 11 คน พร้อมของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน 3 ขธ -712 กรุงเทพมหานคร แจ้งข้อหา 1.รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม 2.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น 3.ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรฯ 4.ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่และแจ้งข้อหา “ต่างด้าว “ เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ทล. ได้ออกสำรวจตรวจเส้นทางพื้นที่รับผิดชอบถึงบริเวณทางแยก จ.พระนครศรีอยุธยา พบรถยนต์ จำนวน 3–4 คัน จอดติดสัญญาณไฟแดง โดยรถยนต์แต่ละคันมีน้ำหนักที่มากกว่ารถยนต์ปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุดแต่รถคันดังกล่าวเห็นรถตรวจการณ์จึงได้ขับรถหลบหนีด้วยความเร็วไปตามถนนหลวง ทล.347 ท่ามกลางรถยนต์ของประชาชนผู้สัญจรไป-มาจำนวนมากและยังได้ขับรถย้อนศรด้วยความเร็วจากสี่แยกไฟแดงทุ่งมะขามหย่องจนไปถึงสี่แยกไฟแดงวรเชษฐ์และขับขี่ด้วยความเร็วหวาดเสียวแซงซ้าย แซงขวา เปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหันไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นและตื่นตระหนกตกใจรถยนต์ประชาชนบนถนน และไปเฉี่ยวชนเบียดรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้รับความเสียหาย 2 คันก่อนมาจนมุมบริเวณ กม.5-6 ทล.356 ต.บ้านรุน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยาเป็นระยะทางหลบหนีกว่า 10 กิโลเมตรและควบคุมตัวคนขับนายชยางพร้อมคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง
สอบถามคนขับให้การยอมรับได้มีชายคนไทยไม่ทราบชื่อบอกให้ไปรับแรงงานต่างด้าวที่ริมป่าข้างทาง อ.วังเจ้า จ.ตาก จำนวน 10 คนให้ไปส่งในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ปทุมธานี ได้ค่าจ้าง 10,000 บาทต่อครั้ง ทำมาแล้วหลายครั้งและเมื่อได้เงินค่าจ้างจะนำไปเที่ยวและใช้จ่ายต่างๆ ส่วนคนต่างด้าวเมียนมายอมรับลักลอบเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก เสียค่าใช้จ่าย 15,000-25,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป