สตม.แถลงผลจับผู้ร้ายข้ามแดน หนีหมายจับคดีค้ายาเสพติด-ตม.ชลบุรี จับหนุ่มโสมแย่งอาชีพคนไทย-จับเวียดนาม17รายเปิดเว็บพนันออนไลน์มีจีนเทาสั่งการ

0
514

วันที่ 6 ก.ค.66 พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร ผกก.ตม.จว.ชลบุรี, พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม. พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา เป็นผู้ร้ายข้ามแดนมีหมายแดง หนีหมายจับคดีค้ายาเสพติด ก่อนบินหนีซุกเวียดนาม เปิดพนันออนไลน์

รายแรกสืบเนื่องจากสถานเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิส ประจำประเทศไทย มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ ขอให้ทางการไทยจับกุมตัวชั่วคราว นายโจนาธาน (นามสมมติ) อายุ 31 ปี สัญชาติสวิส เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อไปดำเนินคดีในความผิดฐานค้ายาเสพติดอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทของสมาพันธรัฐสวิส โดยมีพฤติการณ์กระทำผิด กล่าวคือ ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2559 นายโจนาธาน ได้ลักลอบนำยาบ้ากว่า 2,000 เม็ด ที่ได้ติดต่อซื้อขายจากชาวแอฟริกาผิวสี ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และนำไปขายให้กับลูกค้าหลายรายในเมืองซูริค โดยสมาพันธรัฐสวิส ได้ออกหมายจับที่ B-18-2612 ลงวันที่ 28 ก.ย.61 ให้จับ นายโจนาธาน ในความผิดฐานค้ายาเสพติดอย่างร้ายแรง และองค์การตำรวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL Red Notice) ต่อมาพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอออกหมายจับชั่วคราวนายโจนาธาน และได้ส่งหมายจับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้สืบสวนจับกุม 

จากนั้น บก.สส.สตม. ได้รับสั่งการให้สืบสวนติดตามจับกุมนายโจนาธาน  กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สตม. พบว่า นายโจนาธาน ถือหนังสือเดินทางสาธารณรัฐบราซิล เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท ผ.ผ.90 และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จึงขออนุมัติ ผบก.สส.สตม. เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของ นายโจนาธาน เนื่องจากเป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ พฤติการณ์เข้าลักษณะเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ตามมาตรา 12 (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จึงได้สืบสวนติดตามหาตัวนายโจนาธาน จนทราบว่านายโจนาธาน จะเดินทางจากท่าอากาศยานกรุงเทพไปยังประเทศเวียดนาม จึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด่าน ตม.ทอ.กรุงเทพ บก.ตม.2 ร่วมกันกระจายกำลังหาตัวนายโจนาธาน พบบริเวณโถงผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานกรุงเทพ ขณะเข้าแถวรอการเช็คอิน จึงขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง นายโจนาธาน ได้นำหนังสือเดินทางสาธารณรัฐบราซิล และหนังสือเดินทางสมาพันธรัฐสวิส แสดงแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงหมายจับของศาลอาญาและแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมแจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้นายโจนาธานรับทราบ และทำบันทึกการจับกุมนำตัวส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รายที่สอง บก.สส.สตม. จับแก๊งหนุ่มแดนโสมแย่งอาชีพคนไทยจับกุม 1.นายคิม (นามสมมติ) อายุ 40 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 66 ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท คนอยู่ชั่วคราว (NON-90) ครบกำหนดอนุญาตวันที่ 23 พ.ค. 66 และได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรถึงวันที่ 23 พ.ค. 67 2.นายเบค อายุ 28 ปี 3.นายชอย อายุ 32 ปี  4.นายจุง อายุ 25 ปี 5.นายชอน อายุ 39 ปี  โดยกล่าวหาผู้ถูกจับผู้ต้องหาที่ 1 ว่า รับคนต่างด้าวซึ่งไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน และกล่าวหาผู้ถูกจับที่ 2-5 ว่า เป็นคนต่างด้าวโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน

พฤติการณ์กล่าวคือ บก.สส.สตม. ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน จว.ชลบุรี ว่ามีคนเกาหลีเข้ามาทำงานในบริษัททัวร์ บริเวณพูลวิลล่าแห่งหนึ่ง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ทำหน้าที่เป็นเสมียนรับจองทัวร์ให้กับชาวเกาหลี และจัดแพคเกจท่องเที่ยวแบบครบวงจรในประเทศไทย โดยจัดที่พักอาศัยและใช้บริการสถานประกอบการในเครือของชาวเกาหลีด้วยกัน ทำให้กระทบกับระบบธุรกิจการท่องเที่ยวของ จว.ชลบุรี จากการสืบสวนพบว่ามีชาวเกาหลีทำงานอยู่ในบริษัทดังกล่าวตามที่ถูกร้องเรียนจริง จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดพัทยาเพื่อเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบชาวเกาหลีจำนวน 5 ราย ทำงานโดยผิดกฎหมายซึ่งมี นายคิม ทำหน้าที่ หัวหน้าควบคุมดูแลและจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน จำนวน 4 ราย คือ นายเบค, นายชอย, นายจุง และนายชอน ซึ่งทั้ง 4 รายดังกล่าว ทำหน้าที่ ดูแลระบบ (Admin) ในเว็บไซต์การท่องเที่ยวของเกาหลีเพื่อชักชวนให้คนเกาหลีซื้อแพคเกจท่องเที่ยวแบบครบวงจรในลักษณะ ‘จ่ายเงินวอนครั้งเดียวจบ’ แล้วสามารถมาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอีก แพคเกจนั้นรวมถึง รถรับ-ส่งสนามบิน, ที่พัก, ร้านอาหาร, ร้านนวด ซึ่งเป็นสถานประกอบการในเครือของชาวเกาหลีด้วยกัน สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศไทย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

รายที่สาม สืบสวน กก 2 บก.สส สตม. ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการ เข้าทำการตรวจค้นที่ย่าน ต.บางโฉลง อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ จากการตรวจค้นพบกลุ่มพนักงานต่างด้าว สัญชาติเวียดนาม ชายและหญิง ซึ่งกำลังทำหน้าที่เป็นแอดมินของเว็บพนันออนไลน์ ที่มีนายทุนเป็นชาวจีนอยู่เบื้องหลัง พร้อมกับยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์จำนวน 12 เครื่อง นอกจากนั้นยังขยายผลจับกุมกลุ่มคนต่างด้าวในบ้านพักที่อยู่ติดกันอีกสองหลัง ซึ่งจากการตรวจค้นพบต่างด้าวทั้งชายหญิง สัญชาติเวียดนาม และพบของกลาง เป็นอุปกรณ์การทำหนังสือเดินทางปลอม และตรายางขาเข้า/ออก ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ และประเทศพม่าและกัมพูชา รวมไปถึงพบบุหรี่ต่างประเทศหนีภาษีจำนวนหนึ่ง จึงควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดซึ่งเป็นชาวเวียดนาม พร้อมกับของกลาง ทั้งคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์การผลิตหนังสือเดินทางและตรายางปลอม พร้อมของกลาง อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มาสอบสวนและบันทึกจับกุมที่ สภ.บางพลี ก่อนจะแจ้งข้อหาต่อผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง คือ บุคคลต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม 12 คน ข้อหา “ชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน (พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 ม.12)”บุคคลต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม เวียดนาม 4 คน ข้อหา ร่วมกันมีไว้ ซึ่งดวงตราหรือรอยตราประทับของเจ้าพนักงาน (ตราขาเข้า/ออก ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ)และร่วมกันมีไว้ ซึ่งหนังสือเดินทางของผู้อื่น บุคคลต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม เวียดนาม 1 คน ข้อหา มีบุหรี่ต่างประเทศไว้ในความครอบครองโดยไม่ผ่านขั้นตอนการศุลกากร ทั้งนี้การบุกเข้าจับกุมทราบว่ามีกลุ่มบุคคลต่างด้าวลักลอบเช่าบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้เปิดเป็นฐานการตั้งเว็บพนันออนไลน์และการปลอมแปลงเอกสารหนังสือเดินทาง ซึ่งมีเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านบาท  ฝ่ายสืบสวนจึงเฝ้าสังเกตการณ์จนกระทั่งมีเบาะแสแน่ชัดจึงขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ และวางแผนนำกำลังไปปิดล้อมตรวจค้นจนพบผู้ต้องหาและของกลางจำนวนมาก

จากการสอบสวนขยายผลทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาชาวเวียดนามกลุ่มนี้ จะมีหน้าที่คอยเป็นผู้ดูแลเว็ปพนันออนไลน์ ชื่อเว็บ https://inkbio.me/luiscongviec  ซึ่งมีนายทุนเป็นคนจีนคอยสั่งการผ่านทางเฟซบุ๊ก อวตาร จากนั้นนายทุนจะปิดแอคเคาท์ทันทีหลังจากที่สั่งการแล้วเสร็จ  จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้เพิ่งใช้บ้านพักแห่งนี้เป็นฐานในการดำเนินการทางธุรกิจ ซึ่งย้ายมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และมาเปิดได้เพียงเดือนเศษ ก่อนจะถูกจับกุม ส่วนหนังสือเดินทางก็เป็นการขยายผลจับกุมต่างด้าวที่ใช้หนังสือเดินทางมีตราประทับปลอม จนมีการขยายผลทราบว่าสถานที่แห่งนี้มีการลักลอบทำหนังสือเดินทางปลอมโดยใช้ตราประทับผ่อนผันขออยู่ต่อในราชณาจักร หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้ไปขยายผลต่อผู้ร่วมขบวนการทุกราย  ส่วนผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป