สตม.แถลงจับ 3 คดีสำคัญ 1.จับหนุ่มแดนมังกรโกงพันล้าน -2.รวบ“วุธ แม่กลอง”หัวหน้าทีมขนต่างด้าว 3.จับหนุ่มแดนปลาดิบฉ้อโกงเงินสวัสดิการหนีซุกไทย

0
433

พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตติ์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง รอง ผบก.สส.สตม.พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม. พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. พ.ต.อ.พงศ์ธร พงศ์รัชตนันทน์ ผกก.ตม.จว.สงขลา และพ.ต.อ.เด่นชาย เจริญยุทธ ผกก.สส.บก.ตม.6 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้ บก.สส.สตม. จับหนุ่มแดนมังกร ทำเอกสารปลอมมาใช้กู้ยืมเงินโดยผิดกฎหมาย สร้างความเสียหายกว่า 5.6 พันล้านบาท
เหตุแรกเมื่อเดือนก.ย.66ที่ผ่านมา สตม.ได้รับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน กรณีผู้ต้องหารายสำคัญ คือนายเกา (นามสมมติ) อายุ 55 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อหา จัดทำเอกสารปลอมเพื่อให้กู้ยืมเงินโดยผิดกฎหมาย โดยรัฐบาลจีนได้รับความเสียหายกว่า 1.133 พันล้านหยวน(ประมาณ 5,600 ล้านบาท) ซึ่งเชื่อว่าปัจจุบันหลบหนีอยู่ในประเทศไทย
บก.สส.สตม.ได้ตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม.ผลการตรวจสอบพบว่า นายเกา เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ผ่านช่องทางด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 66 ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรประเภท THAILAND PRIVILEGE CARD (PE) และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ถึงวันที่ 3 ก.ย. 67 จึงได้ขออนุมัติ ผบกสส.สตม.ให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เนื่องจากพิจารณาเห็นว่า เป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ มีพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ ในราชอาณาจักรและขึ้นบัญชีเป็นบุคคลเฝ้าระวัง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ที่วิลล่าแห่งหนึ่งใน ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์ แต่ผู้ต้องหาไม่เดินทางออกมา จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจค้นวิลล่าหลังดังกล่าวพบว่าผู้ต้องหามาพักอาศัยอยู่จริงโดยพักอยู่กับญาติและไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายภายในห้อง จึงได้เข้าควบคุมตัวแจ้งพฤติการณ์ลักษณะของการกระทำความผิดให้ทราบโดยผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีนดังกล่าวจริง และได้แจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ ในราชอาณาจักร ควบคุมตัวนำส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปจากการสืบสวนขยายผลพบว่านายเกาไม่ได้กระทำความผิดในประเทศไทยแต่อย่างใด

เหตุที่สอง ตม.จว.สงขลา กก.สส.บก.ตม.6 ร่วมกับ ตม.จว.สมุทรสงคราม สภ.รัตภูมิ และ สภ.เมืองสมุทรสงคราม จับกุมนายวุธ (นามสมมติ) อายุ 49 ปี สัญชาติไทย บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ข้อหา ร่วมกันให้ที่พักพิง ให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงานเจ้าหน้าที่

พฤติการณ์การกระทำความผิดเมื่อเดือนมิ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.สงขลา จับกุมตัวนายอภิวัธ (นามสมมติ) อายุ 46 ปี สัญชาติไทย ขณะขับรถยนต์อีซูซุ มิว 7 ขนแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาหลบหนีเข้ามาในประเทศไท จำนวน 13 คน ในท้องที่ สภ.รัตภูมิ จว.สงขลา จากการสืบสวนขยายผลก่อนถูกจับกุมคนต่างด้าวทั้ง 13 คนได้มาพักคอยที่ จว.สมุทรสงคราม เพื่อรอขึ้นรถประจำทางสาย กทม.-กระบี่ และ กทม.-ภูเก็ต รวม 3 คัน โดยนายวุธจะทำหน้าที่ประสานงานก่อนส่งต่อคนต่างด้าวให้กับนายอภิวัธกับพวกรวม 3 คน เพื่อพาคนต่างด้าวไปยัง จว.สงขลา และเปลี่ยนรถไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ อ.ตากใบ จว.นราธิวาส จากการขยายผลดังกล่าว สามารถออกหมายจับพนักงานขับรถประจำทาง พนักงานต้อนรับประจำรถ และกลุ่มผู้นำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง รวม 12 คน ในข้อหา ร่วมให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ อันเป็น การอุปการะหรือช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้ต้องหากลุ่มพนักงานขับรถประจำทางที่ถูกจับกุมตามหมายจับข้างต้น ให้การตรงกันว่ารับคนต่างด้าวมาจากนายสราวุธ หรือ นายวุธ แม่กลอง โดยได้ค่านำพาเป็นเงินจำนวน 1,500 บาทต่อคน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับนายสราวุธ ในข้อหาเดียวกัน ต่อมานายสราวุธ ติดต่อ ขอมอบตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวส่ง พงส.สภ.รัตภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ระหว่างวันที่ 1 ก.ค. – 30 ก.ย.66 ผบช.สตม. ได้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมเป้าหมายระดมกวาดล้างความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทั่วไปผลการปฏิบัติในห้วง 1 ก.ค.– 31 ส.ค.66 ได้ทำการตรวจสอบบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาขออยู่ต่อในราชอาณาจักรทั้งสิ้น 9,937 ราย พบว่าเป็นบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) จำนวน 729 ราย จึงได้จับกุมดำเนินการตามกฎหมายต่อไป รวมทั้งยังได้มีการจับกุมบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตได้อีกจำนวน 1,557 ราย และจับกุมข้อหาช่วยเหลือ ซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าวฯ จำนวน 50 ราย

เหตุที่สาม บก.สส.สตม.ได้รับการประสานงานจากกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีตำรวจสากลประเทศญี่ปุ่น ขอให้ตรวจสอบบุคคลซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของประเทศญี่ปุ่น ผู้ต้องหารายสำคัญ คือนายยูกิ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ผู้ต้องหาตามหมายจับของประเทศญี่ปุ่น ข้อหา ฉ้อโกงเงินสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งได้หลบหนีอยู่ในประเทศไทย บก.สส.สตม.ได้ตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า นายยูกิ เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ผ่านช่องทางด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.65 ได้รับอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรประเภท THAILAND PRIVILEGE CARD (PE) และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ได้ถึงวันที่ 7 มิ.ย.66 โดยการอนุญาตสิ้นสุดแล้ว ทราบว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ที่คอนโด Q Asok แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นต่อศาลแขวงดุสิตเข้าตรวจค้นพบผู้ต้องหามาพักอาศัยอยู่จริงและไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายในห้องดังกล่าว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาวันที่ 9 ก.ย.66 นายยูกิ ได้หลบหนีไปโดยใช้รถควบคุมผู้ต้องหาป้ายทะเบียนตราโล่ขับหลบหนี จากนั้นนำรถไปจอดทิ้งไว้ที่หน้าโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ กรุงเทพฯ แล้วขึ้นรถแท็กซี่หลบหนีไปที่พัทยา จว.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ลงพื้นที่ติดตามตัวนายยูกิ ขณะเข้าพักอยู่ที่โรงแรมบริเวณซอยบัวขาว พัทยา อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงควบคุมตัวกลับมาที่ กก.3 บก.สส.สตม. และให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต,เป็นคนต่างด้าวหลบหนีไปในระหว่างที่ถูกกักตัวหรือควบคุม ตามอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และทำให้เสียทรัพย์ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป