ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ช่วยราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
1.สตม.รวบรองหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยากูซ่าญี่ปุ่น สืบเนื่องจาก บก.สส.สตม. ได้รับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย มีกลุ่มคนร้ายลักลอบจัดตั้งสำนักงานคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกลวงชาวญี่ปุ่น เป้าหมายเป็นผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยหลอกลวงว่าจะได้รับเงินประกันสุขภาพคืน โดยมีรูปแบบการหลอกลวงว่า “เป็นการขอคืนเงินค่ารักษาพยาบาล โดยใช้โทรศัพท์หลอกลวงผู้สูงอายุในญี่ปุ่น โดยอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ” ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2567 เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. และ ศปชก.สตม.ได้เข้าตรวจค้นบ้าน 2 หลัง ในพื้นที่เมืองพัทยา จว.ชลบุรี และจับกุมผู้กระทำความผิดเป็นชายชาวญี่ปุ่น จำนวน 5 คน และยังมีอีก 3 ราย ที่ยังไม่ถูกจับกุม ผบก.สส.สตม.จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรคนต่างด้าวทั้ง 8 คน และขึ้นบัญชีเป็นบุคคลเฝ้าระวัง (Watch List) ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2568 เวลา 22.30 น.เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม.ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่งานตรวจคนเข้าเมืองขาออกด่าน ตม.ทอ.กรุงเทพ บก.ตม.2 ว่าได้ตรวจพบนาย HAMAJI (นามสมมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็น 1 ใน 3 คน ที่ยังไม่ถูกจับกุมและถูกขึ้นบัญชีบุคคลเฝ้าระวังไว้จะเดินทางออกจากประเทศไทย เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม.จึงได้ร่วมเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนาย HAMAJI เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ นาย HAMAJI เป็นรองหัวหน้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่บริหารจัดการต่าง ๆ ภายในแก๊งและรับคำสั่งจากหัวหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุม
2.สืบตม.รวบหนุ่มแดนโสมหลังมั่วสุมปาร์ตี้ยาฯ ไฮโซ บนโรงแรมหรูย่านทองหล่อ จนท.กก.ปอพ.บก.สส.สตม.จับกุมนายโจวอน (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.1379/2567 ลงวันที่ 31 ธ.ค.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่ง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน, เมทิลลีนไอออกซีเมทแอมเฟตามีนหรือยาอี, พาราเมทอกซีเมทแอมเตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต และสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมคอนโดมีเนียมในพื้นที่แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมตรวจค้นงานปาร์ตี้มั่วสุมยาเสพติด ภายในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ย่านทองหล่อ พบ”กลุ่มนักท่องเที่ยวเพศชาย หนุ่มหล่อกล้ามโต” ทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้าร่วมงานจำนวนทั้งสิ้น 124 คน พร้อมของกลางสารเสพติดในบริเวณงานปาร์ตี้ ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ออกหมายจับนายโจวอน (นามสมมุติ) ในข้อหา ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และวัตถุ ออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.ปอพ.บก.สส.สตม.สืบทราบว่า นายโจวอน หลบหนีมาพักอาศัยกับเพื่อนที่คอนโดย่านห้วยขวาง กรุงเทพฯ จึงนำกำลังไปจับกุมนายโจวอน ให้การยอมรับว่า เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2567 ได้เข้าร่วมงานปาร์ตี้มั่วสุมยาเสพติดภายในโรงแรมหรูจริง จึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
3.สืบ ตม. รวบชายชาวไนจีเรียนลักลอบขายคีตามีนในย่านนานา กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนายเคนเนดี้ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี สัญชาติไนจีเรียน พร้อมของกลาง ยาเสพติด ให้โทษประเภท 2 (คีตามีน) จำนวน 30 ก้อน น้ำหนักชั่งรวมสิ่งห่อหุ้ม 50 กรัม โดยกล่าวหาว่า จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวขยายผล บก.ปส.4 บช.ปส ดำเนินคดีตามกฎหมาย จับกุมได้ภายในร้านสินค้าในซอยสุขุมวิท 5 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจาก กก.1 บก.สส.สตม.ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชายชาวต่างชาติผิวสีลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในย่านนานา เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงได้วางแผนจับกุมให้สายลับติดต่อขอซื้อยาเสพติด จำนวน 30 กรัม ในราคา 60,000 บาท (กรัมละ 2,000 บาท) นัดหมายส่งมอบภายในร้านสินค้าในซอยสุขุมวิท 5 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมได้พร้อมยาเสพติดของกลาง จำนวน 30 ก้อน น้ำหนักชั่งรวมสิ่งห่อหุ้ม 50 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในกล่องยาสีฟัน และได้ตรวจค้นห้องพักของนายเคนเนดี้ พบซองพลาสติก และเทปพันสายไฟสีดำ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง จากการตรวจสอบของกลางด้วยชุดทดสอบสารเสพติด เบื้องต้น (ONCB 053 Modified Cobalt Thiocyanate Reagent) ซึ่งใช้สำหรับทดสอบคีตามีนสีของน้ำยาหลังทดสอบเป็นสีม่วงและตกตะกอนสีขาว นายเคนเนดี้ ยอมรับว่ายาเสพติด (คีตามีน) ของกลางดังกล่าวเป็นของตนเอง ซึ่งได้นำมาจำหน่ายให้กับสายลับในราคา 60,000 บาทตามที่ตกลงซื้อขายกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีต่อไป
4.กก.1 บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนกรณีได้รับการร้องเรียนว่า มีกลุ่มชายชาวต่างชาติผิวสีมีพฤติกรรมหลอกลวงขายเม็ดทองคำในราคาถูก ซึ่งเชื่อว่าเป็นเม็ดทองปลอม โดยจะอ้างว่ามีทองคำนำเข้ามาจากแอฟริกาจะขายให้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพราะสามารถนำเข้าประเทศไทยแบบไม่เสียภาษี พร้อมทั้งโชว์เม็ดทองคำจำนวนมาก จากการตรวจสอบทราบว่า หากมีผู้ใดสนใจซื้อ จะนัดพูดคุยและมอบเม็ดทองคำตัวอย่างซึ่งเป็นทองคำแท้ ให้เหยื่อนำไปตรวจสอบก่อน จากนั้นหากเหยื่อหลงเชื่อตกลงซื้อเม็ดทองดังกล่าว จะนัดพบกันเพื่อซื้อขายเม็ดทองดังกล่าว โดยขายในราคา 55,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2 ล้านบาท) และมักจะอ้างให้เหยื่อเตรียมเงินสดเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐตามจำนวนที่ตกลงซื้อขายกัน ซึ่งหากเหยื่อหลงเชื่อจะรับเงินสดและส่งเม็ดทองปลอมให้แล้วหลบหนีไป หรือหากเหยื่อเริ่มสงสัยว่าเม็ดทองทั้งหมดเป็นของจริงหรือไม่ จะพยายามหาวิธีการเบี่ยงเบนความสนใจ และสับเปลี่ยนเงินของเหยื่อด้วยเงินปลอมที่เตรียมมาด้วย แล้วหลบหนีไป
จากการสืบสวนทราบว่ามีชายผิวดำซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้หลอกลวง พักอาศัยอยู่ที่โรงแรมภายในซอยสุขุมวิท 5 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงเฝ้าสังเกตการณ์พบชายผิวดำเป้าหมายปรากฎตัว จึงแสดงตัวขอตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่า คนต่างด้าวดังกล่าวชื่อ MR.NDILLE (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี สัญชาติดัตช์ และจตรวจค้นห้องพักพบกระเป๋าเสื้อผ้า ภายในถุงบรรจุสิ่งของลักษณะคล้ายเม็ดทองคำน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม จำนวน 1 ถุง และพบถุงพลาสติกใสบรรจุสิ่งของลักษณะคล้ายเม็ดทองคำน้ำหนักประมาณ 100 กรัมอีก 2 ถุง โดย MR.NDILLE ให้การว่าได้ซื้อเม็ดทองมาจากประเทศจีน เป็นเม็ดทองปลอม และเม็ดทองที่บรรจุในถุงพลาสติกถุงละประมาณ 100 กรัม จำนวน 2 ถุง เป็นเม็ดทองจริง 1 ถุงและเป็นเม็ดปลอม 1 ถุง จึงยึดไว้พร้อมด้วยเงินสดสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เงินเยน เงินปอนด์ รวมเป็นเงิน 117,600 บาท
จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีการแชทพูดคุยผ่าน WhatsApp กำลังหลอกเหยื่อเพื่อขายเม็ดทองคำพบมีภาพโชว์เม็ดทองคำจำนวนมากให้ดูและเสนอขายในราคาถูก และมีการให้ตัวอย่างเม็ดทองคำให้ไปตรวจดูก่อนแล้วซึ่งตรวจสอบเป็นเม็ดทองคำแท้ จึงตกลงซื้อ จำนวน 1 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 55,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2 ล้านบาท) ทั้งนี้ในการซื้อขายจะขอรับเป็นเงินดอลลาร์เท่านั้น และนัดส่งมอบเม็ดทองคำที่ห้างสรรพสินค้าในแขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
จึงได้ติดต่อผู้ที่พูดคุยกับ MR.NDILLE ดังกล่าวทราบว่า ได้ตกลงซื้อเม็ดทองจาก MR.NDILLE แล้ว และได้นัดพบกันเพื่อซื้อขาย โดย MR.NDILLE ได้มากับเพื่อนอีก 3 คน และพยายามเบี่ยงเบนความสนใจและหาโอกาสในการสับเปลี่ยนเงินดอลลาร์ของปลอมที่กลุ่ม MR.NDILLE เตรียมมา ซึ่งโชคดีที่เหยื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงได้โวยวายและยกเลิกการซื้อขาย และนอกจากนี้ยังพบข้อมูลการแชทพูดคุยกับเหยื่ออีกหลายคน เพื่อหลอกขายเม็ดทองปลอมดังกล่าว เบื้องต้น ได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของ MR.NDILLE เนื่องจากมีพฤติการณ์หลอกลวงผู้อื่น เป็นภัยต่อสังคม ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียง และขึ้นบัญชีเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ควบคุมตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวเตรียมผลักดันกลับประเทศต่อไป โดยระหว่างนี้ ได้ประสานเหยื่อที่เคยถูกหลอก หรือกำลังจะถูกหลอก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และทำการสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป