สตม.จับบริษัทรับแลกเงินดิจิทัลเถื่อนคนจีน-สาวไทยเจ้าของฯ-รวบ 18 จีนพร้อมคนนำพาชาวไทยยึดมือถือ 35 เครื่อง ซิมการ์ด 92 เบอร์

0
23

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ช่วยราชการ บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หน.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

ศปชก.สตม.รวบเจ้าของบริษัทรับแลกเงินดิจิทัลเถื่อน เชื่อมโยงคดีอุ้มคนจีน ศปชก.สตม.จับกุมผู้ต้องหาร่วมกันประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 2 คน ดังนี้ 1.Mr.Long (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติจีน ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5462/2567 ลงวันที่ 12 พ.ย.2567 จับกุมที่บริษัทรับแลกเงินดิจิทัล ย่านห้วยขวาง กรุงเทพ 2.นางสาวปริศนา (นามสมมติ) อายุ 38 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5463/2567ลงวันที่ 12 พ.ย.2567 จับกุมที่บ้านพักในพื้นที่ อ.ภูหลวง จว.เลย นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากกรณีเมื่อวันที่ 19 ต.ค.2567 ได้เกิดเหตุมีคนร้าย 5 คนพร้อมอาวุธปืนสั้นและปืนยาวบุกเข้าไปในสำนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ย่านห้วยขวาง กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.สุทธิสาร และข่มขู่นักธุรกิจจีน โดยเข้าค้นและยึดเงินจำนวน 3,200,000 บาท ไป จากนั้นจับตัวนักธุรกิจจีนทั้ง 2 คนเพื่อเรียกค่าไถ่จนสุดท้ายได้เงินไปจำนวนกว่า 12 ล้านบาท ก่อนจะนำผู้เสียหายไปปล่อยไว้บนถนนย่านเกษตร-นวมินทร์ นั้น จนท.ศปชก.สตม.ได้สืบสวนขยายผลในคดีดังกล่าวพบว่าก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไปได้ไปแลกเงินสกุลดิจิทัล ที่บริษัทรับแลกเงินสกุลดิจิทัลเถื่อน ย่านห้วยขวาง จากการสืบสวนทราบว่า บริษัทรับแลกเงินสกุลดิจิทัลดังกล่าว เปิดให้รับแลกเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมี Mr.Long และนางสาวปริศนา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท จึงได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีกับทั้งสองคน ต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับทั้ง 2 คนในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต” จึงได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุม จากการสืบสวนทราบว่า Mr.Long พักอยู่ที่บริษัทรับแลกเงินดิจิทัล ย่านห้วยขวาง กรุงเทพฯ ส่วนนางสาวปริศนา พักอาศัยอยู่ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.ภูหลวง จว.เลย จึงไปจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อีกคดีตำรวจ กก.2 บก.สส.สตม.จับกุมนายอดิศักดิ์ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี สัญชาติไทย โดยกล่าวหาว่า รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือ ด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม และจับกุมนายยีซุย (นามสมมติ) อายุ 21 ปี สัญชาติจีน พร้อมกับพวกรวม 18 คน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ดำเนินคดีตามกฎหมาย จับกุมได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี

พฤติการณ์จับกุม เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.สส.สตม.ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการลักลอบขนคนต่างด้าว เข้าเมืองผิดกฎหมายมาพักไว้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี จึงได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวติดตามเฝ้าสังเกตการณ์ จนทราบจุดซ่อนตัวอยู่ที่รีสอร์ตใน ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงได้เข้าตรวจสอบพบชายชาวจีนซึ่งลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 18 คน กระจายพักอาศัย 4 ห้อง และพบคนไทยทราบชื่อว่า นายอดิศักดิ์ จากการตรวจค้นภายในห้องพักพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 35 เครื่อง ซิมการ์ดโทรศัพท์เมียนมา ซิมการ์ดระหว่างประเทศ รวม 92 หมายเลข

จากการสอบถามชาวจีนทั้ง 18 คน ให้การว่าเดินทาง มาจากประเทศจีนเพื่อมาทำงานคอลเซ็นเตอร์ โดยเคยทำที่ประเทศลาว กัมพูชา และเมียนมา มาก่อน ในครั้งนี้ลักลอบเข้าประเทศไทยเพื่อจะเดินทางไปยังชายแดน อ.แม่สอด จว.ตาก และไปทำงานเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมา โดยได้ขึ้นรถที่บริเวณใกล้ชายหาด อ.หัวหิน มีนายอดิศักดิ์ เป็นผู้ให้การช่วยเหลือในการจัดหารถ ขับรถนำทางมาที่รีสอร์ต เช่าห้องพักที่รีสอร์ต จัดหาอาหารให้ ส่วนโทรศัพท์และซิมการ์ดที่เจ้าหน้าที่ยึดได้นั้น จะนำไปใช้เปิดบัญชีโซเชียลมีเดีย เพื่อการหลอกลวงผู้เสียหาย ส่วนนายอดิศักดิ์ ให้การว่าได้รับการว่าจ้างจากนายหน้าทางภาคใต้ ให้นำ คนจีนทั้ง 18 คน ไปส่งยังชายแดน อ.แม่สอด จว.ตาก โดยเป็นผู้นำทาง ติดต่อรถรับส่ง จัดหาอาหาร ได้รับเงินค่าจ้าง 12,000 บาทต่อคน เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.สส.สตม. จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมทั้ง 19 คน ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว และยึดของกลางไว้ตรวจสอบและสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป
สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง