วัดชลประทานรังสฤษดิ์ เปิดสุคติสถาน บ้านหลังสุดท้ายของผู้วายชนม์ ใช้เตาเผาไร้ควัน ปราศจากมลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

0
716

วันที่ 6 มีนาคม 65 ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร และเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นประธานประกอบพิธีเปิดอาคารสุคติสถาน

โดยมีคุณเอมอร ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์ นายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คุณประเสริฐ-ศิริพร ชะเอมน้อย ห้างหุ้นส่วนจำกัด ตั๊ก แตง เทรดดิ้งตลาดไท นายจิรชัย มูลทองโร่ย สมาชิกวุฒิสภา นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และคณะพุทธศาสนิกชนร่วมบุญในพิธี

พระปัญญานันทมุนี สณ. สุภโร เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ เปิดเผยว่า วัดชลประทานรังสฤษดิ์ มีการเผาศพจนเตาระเบิด จนต้องซ่อมไปเผาไป และด้วยอายุของเมรุใช้งานมามากกว่า 30 ปี ประกอบด้วย เผาวันละ 3 ศพ ยุคโควิคต้องเพิ่มเป็น 4 ศพ รอบปีหนึ่งๆ เผาไป 800-900 ศพ ด้วยเหตุนี้ คณะสงฆ์และกรรมการบริหารวัด จึงอนุมัติให้จัดสร้างสุคติสถานเพื่ออนุเคราะห์ สงเคราะห์แก่ทุกชีวิต ที่จากโลกนี้ไป

คำว่า สุคติสถาน คือ บ้านหลังสุดท้ายของผู้วายชนม์ เป็นอาคารเป็นแนวตั้ง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มาบำเพ็ญบุญกุศล โดยมีห้องสวดพระอภิธรรม 10 ห้อง ห้องฌาปนกิจ 1 ห้อง 2 เตาเผา ห้องรับรอง ห้องน้ำชาย – หญิง มีลิฟต์โดยสาร 2 ชุด บันไดเลื่อน 1 ชุด ลิฟต์ขนของ 1 ชุด และมีระบบโซล่าเซลล์ เพียงพอกับการใช้ไฟฟ้าในอาคาร

โดยระบบทั้งหมดปราศจากมลพิษเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แม้เตาเผาก็ปราศจากมลภาวะ เป็นมิตรในการอยู่ร่วมกันของชุมชนและสังคม ไม่มีปล่องเมรุ ปล่อยออกมาเฉพาะไอความร้อนเท่านั้น จึงขอจารึกธรรม บูชาคุณ แก่ผู้ที่ร่วมสร้างอาคารสุคติสถานสำเร็จลงอย่างที่ประจักษ์พร้อมใช้งาน ผู้ร่วมเสียสละทรัพย์ มีตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงวัยบริจาคตั้งแต่ 1 บาท – เกินล้านบาท รวม 30,323 คน มียอดบริจาคจำนวน 279,660,252.56 บาท

นอกจากพิธีเปิดอาคารสุคติสถานแล้ว ทางวัดยังจัดงานบุญประจำปี “สายสัมพันธ์กตัญญุตา” เน้นการปฏิบัติ ตามพระธรรมคือความกตัญญูกตเวที และบูชาบุคคลที่ควรบูชา โดยการนำอัฐิของบุพการี มีพ่อแม่ ครูอาจารย์ ปู่ย่า ตายาย ของแต่ละท่านมารวมกัน ให้คณะสงฆ์ ทักษิณานุปทาน หรือ มาติกาบังสุกุล อุทิศให้แก่ผู้วายชนม์ด้วย