วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 นายอิทธิพล คุณปลี้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานในพิธีบวงสรวงต้อนรับทับหลังปราสาทหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น จังหวัดสระแก้ว กลับสู่ประเทศไทย โดยมีนายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร เข้าร่วมในพิธี
นายอิทธิพล กล่าวว่า รัฐบาลไทย ได้รับมอบทับหลังปราสาทหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น จังหวัดสระแก้ว จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยมีพิธีส่งมอบโบราณวัตถุ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ณ นครลอสแอนเจลิส ระหว่างสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ สหรัฐอเมริกา (Homeland Security Investigation – HSI) ผู้ส่งมอบ และกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ผู้รับมอบแทนกรมศิลปากรในนามราชอาณาจักรไทย พร้อมทั้งดูแลในการส่งทับหลังทั้งสองรายการออกจากท่าอากาศยานนครลอสแอนเจลิสถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 และเคลื่อนย้ายออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมายังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยหลังจากพิธีบวงสรวงจะดำเนินการตรวจสอบโบราณวัตถุ และนำทับหลังทั้งสองรายการจัดแสดงในนิทรรศการเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน ทั้งนี้ ได้เรียนเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีรับมอบโบราณวัตถุอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดให้ชมนิทรรศการ “ทับหลังปราสาทหนองหงส์ และปราสาทเขาโล้น กลับคืนสู่ประเทศไทย” ให้ประชาชนเข้าชมเป็นเวลา 3 เดือน ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ทับหลังปราสาทหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น จังหวัดสระแก้ว ได้สูญหายไปจากที่ตั้งในช่วงราวพุทธศักราช 2509 – 2511 แต่ไม่ปรากฏรายงานหรือบันทึกเกี่ยวกับการสูญหาย ต่อมาได้ปรากฏทับหลังสองรายการนี้ อยู่ในฐานข้อมูลโบราณวัตถุของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย (Asian Art Museum) เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในการติดตามทับหลังทั้ง 2 รายการ เริ่มขึ้นเมื่อนายกรัฐมนตรี ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย สืบเนื่องมาจากการสืบค้นข้อมูลโบราณวัตถุของไทยที่อยู่ในต่างประเทศของกรมศิลปากร รวมทั้งกระแสเรียกร้องของนักวิชาการและประชาชนให้ติดตามโบราณวัตถุของไทยในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลกกลับคืนมา ซึ่งมีมาก่อนหน้านั้นเป็นระยะ ที่ประชุมคณะกรรมการฯ มีมติให้ติดตามทับหลังทั้ง 2 รายการ โดยมอบหมายให้กรมศิลปากรเป็นผู้จัดทำข้อมูล จนกระทั่งวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 กรมศิลปากรจึงได้ส่งข้อมูลให้กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ประสานกับหน่วยงานในสหรัฐอเมริกา ผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ซึ่งหน่วยงานฝ่ายสหรัฐอเมริกาที่รับผิดชอบในคดี คือ สำนักงานสืบสวนความมั่นคงเพื่อมาตุภูมิ (HSI) กระทั่งมีการนำขึ้นพิจารณาในชั้นศาล จนในที่สุดพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชียยอมรับว่าทับหลังทั้งสองรายการเป็นกรรมสิทธิ์ของไทย และยินยอมให้ยึดทับหลังเพื่อส่งกลับคืนประเทศไทย
โดยการส่งมอบโบราณวัตถุที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ โบราณคดี และวัฒนธรรม ในครั้งนี้นับเป็นความร่วมมืออันสำคัญยิ่งระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ทั้งภาครัฐและภาคประชาชนแสดงถึงความสัมพันธ์ และมิตรภาพอันดีและยาวนานระหว่างทั้งสองประเทศ