รองผบช.ภ.1ลงพื้นที่ไล่ล่าจับคนร้ายชิงทอง 36 บาทร้านค้าทองในห้าง ย่านคลองสี่ จ.ปทุมธานี

0
705

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 กันยายน 2565 พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.1 ได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีคนร้ายควงปืนชิงทองร้านทองเยาวราช กรุงเทพ สาขาคลองสี่ ภายในห้างสรรพสินค้า ย่านคลองสี่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยมี พ.ต.อ.พีรพล โชติกเสถียร รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.ธงรบ แจ้งจิต ผกก.กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.ต.เดชา แสนหว้า สว.สส.สภ.ธัญบุรี และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.1 ชุดสืบสวนกก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี ชุดสืบสวน สภ.ธัญบุรี ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมรายงานความคืบหน้าล่าสุด
พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า ตอนนี้ทาง ผบช.ภ.1 ได้ให้ตนเองลงมาดูความคืบหน้าของคดี โดยมีทีมสืบสวนของตำรวจภูธรภาค1 มาช่วยกันทำงานระหว่างชุดสืบสวน ภ.จว.ปทุมธานี และ สภ.ธัญบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุคนร้ายได้ทำอาวุธปืนตกไว้ เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นอาวุธปืน บีบีกัน ส่วนน้ำหนักทองรูปพรรณที่คนร้ายได้ไปทางร้านอยู่ระหว่างการตรวจเช็คสต๊อกอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นเป็นทองรูปพรรณเส้นละ 2 บาท จำนวน 18 เส้น ล่าสุดได้ให้ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบเส้นทางที่คนร้ายขับรถจักรยานยนต์ว่ารถ ยี่ห้อ สี รุ่น ขับผ่านก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุใช้เป็นแนวทางสืบสวนของตำรวจในการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีทางกฏหมาย

สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 28 ก.ย. 65 พ.ต.ท.บุญเรือง พันธนู สารวัตร(สอบสวน)สภ.ธัญบุรี รับแจ้งมีเหตุคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านขายทอง ที่เกิดเหตุร้านทองเยาวราช กรุงเทพ ภายในห้างสรรพสินค้า ย่านคลองสี่ ถนนรังสิตนครนายก ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.ยุทธภูมิ โพธิ์อุดม รอง ผกก.สอบสวน สภ.ธัญบุรี กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ธัญบุรี เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 1 ปทุมธานี และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายทองตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของห้างสรรพสินค้าฝั่งตะวันตกตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นบันไดเลื่อนที่หน้าร้านพบพนักงานหน้าเคาน์เตอร์อยู่ในอาการตื่นตกใจ โดยที่แผงใส่ทองบนตู้โชว์มีสร้อยคอทองคำแหว่งหายไปจำนวนหนึ่ง บริเวณช่องบันไดเลื่อนพบอาวุธปืนแบบแม็กกาซีนสีดำตกอยู่ 1 กระบอก เจ้าหน้าที่จึงกันพื้นที่เพื่อรอการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานอย่างละเอียด
น.ส.วันวิสาข์ พนักงานเคาน์เตอร์ร้านทอง ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุอยู่ระหว่างจะเก็บทองเข้าตู้เซฟเพราะร้านกำลังจะเตรียมปิดมีพนักงานอยู่จำนวน 3 คน ทันใดนั้นได้มีคนร้ายชาย 1 คนท่าทางแปลกๆจึงได้เรียกให้ทุกคนในร้านรู้ลักษณะคนร้ายใส่ไอ้โม่ง ใส่หมวกกันน๊อคสีดำ ใส่แว่น ก่อนจะเข้ามาที่หน้าเคาน์เตอร์แล้วชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่ทุกคนจนตกใจกลัวพากันหลบไปอยู่ข้างร้าน ก่อนที่คนร้ายจะกระโดดข้ามเคาน์เตอร์ไปหยิบเอาทองในตู้โชว์ที่ใส่ถาดโชว์เป็นสร้อยคอทองรูปพรรณน้ำหนัก 2 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างนับจำนวนที่สูญหายแล้วหลบหนีโดยเดินย้อนลงบันไดทางขึ้นข้างร้านลงไปก่อนขึ้นรถจยย.หลบหนีไป
ขณะเดียวกันพยานระบุว่า เจ้าหน้าที่ รปภ.ซึ่งดูแลความเรียบร้อยบริเวณประตูทางเข้าพบชายต้องสงสัยผิดปกติใส่หมวกกันน็อคเดินเข้ามาในห้าง จึงเดินไปบอกให้ชายคนดังกล่าวถอดหมวกกันน็อค แต่ไม่ยอมถอด ก่อนที่ชายดังกล่าวจะเดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปที่ชั้น 2 โดยรปภ.ได้วิทยุแจ้งให้หัวหน้าทราบและเดินตามขึ้นบันไดเลื่อนไปและเป็นจังหวะเดียวกันที่คนร้ายได้ขึ้นไปก่อเหตุชิงทองแล้วก่อนวิ่งสวนลงบันไดเลื่อนและเมื่อเห็น รปภ.ตามมา จึงชักอาวุธปืนออกมาทำให้ รปภ.ตกใจตกบันไดเลื่อนจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่คนร้ายจะกระโดดจากบันไดเลื่อนอีกฝั่งหนึ่งมาอีกฝั่งหนึ่งและทำอาวุธปืนตกลงไปที่พื้นด้านข้างช่องบันไดเลื่อนก่อนที่คนร้ายจะวิ่งไปขึ้นรถจยย.สีดำที่จอดอยู่ช่องจอดรถยนต์ล๊อคที่ 4 ของช่องจอดรถแล้วหลบหนีไป
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมเสื้อแขนยาวสีดำขีดส้ม กางเกงขายาวสีดำ สวมหมวกกันน็อคแบบเต็มใบสีดำ รองเท้าสีดำ เดินขึ้นมาจากบันไดเลื่อนก่อนจะชักอาวุธปืนข่มขู่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก่อนจะกระโดดข้ามเคาน์เตอร์แล้วไปหยิบสร้อยคอทองคำที่ตู้โชว์ก่อนที่หลบหนีไปทางบันไดทางขึ้น
ด้านน.ส.นัชชา ขอสงวนนามสกุล อายุ 45ปี พยานเปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุมีฝนตกโปรยปราย คนร้ายเป็นชาย1คนมาจอดรถที่ลานจอดก่อนที่จะเดินเข้าห้างไปก่อนจะวิ่งออกมาโดยใช้เวลาไม่นาน โดยมีพนักงานร้านทองวิ่งตามมาบอกโจร ๆ ก่อนที่จะวิ่งหนีไปขึ้นรถจยย.ที่จอดอยู่ขับหนีออกไป โดยมีพลเมืองดีขับตามไปแต่คลาดเคลื่อนกัน ตนเองจำได้ว่าคนร้ายแต่งตัวรัดกุมปิดบังใบหน้าและชุดทั้งหมดสีดำ
ทางด้าน พ.ต.ท.บุญเรือง พันธนู สารวัตร(สอบสวน)สภ.ธัญบุรี เปิดเผยว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่า คนร้ายขับผ่านและหลบหนี พร้อมทั้งสอบปากคำพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีทางกฎหมาย เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า ทองรูปพรรณที่คนร้ายได้ไปเป็นสร้อยคอทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 2 บาท จำนวน 18 เส้นรวมน้ำหนัก 36 บาท