สืบเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. พิจารณาดำเนินการ กรณีกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการประสานงานจากกงสุลฝ่ายตำรวจ สถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ขอให้ผลักดันผู้ต้องหาตามหมายจับสาธารณรัฐเกาหลี และเป็นบุคคลที่ต้องการตัวของทางการสาธารณรัฐเกาหลีตามประกาศตำรวจสากลสีแดง (INTERPOL Red Notice) จำนวน 3 ราย ได้แก่ 1. MR.KIM หรือ นาย คิม อายุ 54 ปี 2. MR.YANG หรือ นาย หยาง อายุ 60 ปี 3. MR.YE JUN หรือ นาย เย จุน อายุ 51 ปี ซึ่งได้ร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะหลอกลงทุน และปั่นหุ้น ต่อมาเมื่อประชาชนมาลงทุนแล้ว จึงได้ยักยอกเงินที่ได้หลบหนีมายังประเทศไทย มีผู้เสียหายหลายราย มูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 6 หมื่นล้านวอน หรือประมาณ 1,600 ล้านบาท
เมื่อประมาณต้นเดือนธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. ได้จับกุม MR.YE JUN หรือ นาย เย จุน อายุ 51 ปี ในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (overstay)” หนึ่งในสมาชิกแก๊ง นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี โดยคดียังอยู่ในชั้นศาล ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 66 เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. นำโดย พ.ต.ต.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า สว.กก.4 บก.สส.สตม., ร.ต.อ.อดิศร บุญชุ่ม รอง สว.กก.ปอพ.บก.สส.สตม. พร้อมกำลังได้ร่วมกันจับกุม 1.MR.KIM หรือ นายคิม อายุ 54 ปี 2.MR.YANG หรือ นายหยาง อายุ 60 ปี นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดี ในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (overstay)”
พฤติการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันสืบสวนติดตาม นายคิม อายุ 54 ปี และนายหยาง อายุ 60 ปี ซึ่งเป็น 2 ผู้ต้องหา ที่ยังติดตามจับกุมไม่ได้ โดยได้ทำการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สตม. พบว่า นายคิม เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 65 ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท ผผ.90 และสิ้นสุดการอนุญาตวันที่ 22 ต.ค. 65 และ นายหยาง เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 65 ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท ผผ.90 และสิ้นสุดการอนุญาตวันที่ 31 ต.ค. 65 ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่านายคิม และนายหยาง ได้หลบหนีไปอยู่ด้วยกันที่ คอนโดหรูย่านสุขุมวิท จึงได้ไปตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 คนได้ย้ายที่พักหลบหนีหลังจากที่ นายเย จุน หนึ่งในสมาชิกถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนติดตามจนกระทั่งได้พบบุคคลสัญชาติเกาหลีตำหนิรูปพรรณคล้าย นายคิม และนายหยาง ที่บริเวณสนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง ย่านจังหวัดปทุมธานี จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอทำการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่า ไม่ปรากฎข้อมูลการขออยู่ต่อ จึงได้เชิญตัวมายัง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อตรวจสอบข้อมูลในเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. ผลการตรวจสอบไม่พบข้อมูลการขออยู่ต่อ จึงแจ้งข้อหาและจับกุมดำเนินคดีดังกล่าว
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์เป็นนักธุรกิจอุตสาหกรรมสิ่งทอที่ประเทศเกาหลีใต้ มีการเข้าซื้อบริษัทใหญ่และเป็นเจ้าของถึง 5 บริษัทมีการเปิดขายหุ้นบริษัท สร้างความน่าเชื่อถือโดยนำเสนอข้อมูลบริษัทและผลประกอบการเท็จเป็นเหตุให้ประชาชนหลงเชื่อ เข้ามาลงทุน อันเป็นลักษณะการปั่นหุ้น จากนั้นจึงได้หลบมาหนีมายังประเทศไทย