ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม.และ พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หน.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 2 ราย
รายแรกเจ้าหน้าที่ชุด ศปชก.สตม.ได้รับแจ้งจากสายลับว่า พบเห็นคนต่างด้าวซึ่งมักจะมาปรากฎตัว ภายใซอยร่มประดู่ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะเข้ามาอยู่ในประเทศไทย โดยผิดกฎหมาย จากการสืบสวนทราบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือ MR.LEE (นามสมมติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว รวมเป็นเวลา 93 วัน จึงได้ประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย เพื่อให้ตรวจสอบประวัติ รับแจ้งว่า MR.LEE มีประวัติกระทำความผิดในคดีฉ้อโกง ซึ่งศาลเกาหลีใต้ได้พิพากษาให้จำคุก เป็นเวลา 2 ปี โดยมีพฤติการณ์กระทำความผิดคือ MR.LEE ได้เปิดสำนักงานนักสืบเอกชนและหลอกลวงบุคคลอื่นว่าสามารถช่วยเหลือทางคดีต่างๆ ได้มีผู้เสียหายหลงเชื่อ มูลค่าความเสียหายรวมเป็นเงิน 300,000,000 ล้านวอน จากนั้น MR.LEE ได้เดินทางมายังประเทศไทย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ได้สืบสวนทราบว่า MR.LEE จะเดินทางมาที่บริเวณลานจอดรถบริษัทแห่งหนึ่ง ภายในซอยร่มประดู่ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ จึงได้วางกำลังเฝ้าจับกุม จนกระทั่งพบ MR.LEE จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเข้าจับกุมโดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.บางพลี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อีกราย ด้วย ศปชก.สตม.ได้รับการแจ้งข้อมูลกรณีพบคนต่างด้าวมาพักอาศัยในอพาร์ทเม้นท์ย่านห้วยขวาง มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย จากการสืบสวนทราบว่าคนต่างด้าวรายดังกล่าวคือ นางซุน (นามสมมติ) อายุ 42 ปี สัญชาติจีน ซึ่งอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด รวมเป็นเวลา 1,279 วัน จึงได้ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พบข้อมูลของคนต่างด้าวรายดังกล่าวว่า มีประวัติกระทำผิดในสาธารณรัฐประชาชนจีนในข้อหาลักลอบค้ายาเสพติด โดยมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิด คือ ได้ส่งพัสดุไปรษณีย์ซึ่งภายในพัสดุซุกซ่อนยาเสพติด (ไอซ์) น้ำหนักรวม 210 กรัม ไว้ภายในถุงขนมช็อกโกแลต จำนวน 43 ห่อ ซึ่งพัสดุไปรษณีย์ดังกล่าวส่งจากประเทศไทยปลายทาง เมืองเซิ่นหยาง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยทางการสืบสวนของทางการสาธารณรัฐประชาชนจีนพบว่า นางซุนเป็นตัวการในการกระทำความผิด จึงได้ออกหมายจับนางซุนในข้อหาลักลอบค้ายาเสพติด และมีข้อมูลว่านางซุนอาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม.และ ป.ป.ส.ได้สืบสวนทราบว่า นางซุนพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ย่านห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ จึงไปตรวจสอบจนกระทั่งพบนางซุน จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้าจับกุม โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวซึ่งอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาติสิ้นสุด (Overstay) และนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป