วันที่ 6 ม.ค.66 ที่ผ่านมา ยายวัย 70 ปี ชาว จ.อุดรธานี ร้อง “ปวีณา” แจ้งว่า น้องหนึ่ง หลานสาววัย 5 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 ถูก น.ส.ป๊อบ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ผู้เป็นแม่ มีพฤติกรรมติดยาเสพติด ทำร้ายทุบตีประจำ ใช้ปากกัดลูกตามตัวจนเป็นรอยเขียวช้ำ บางครั้งก็ขังลูกไว้ในบ้านไม่ให้ไปโรงเรียน ช่วงกลางคืนก็มักจะมีผู้ชายมาหาเป็นประจำ เมื่อก่อนยายก็อาศัยอยู่ด้วยพอตักเตือนลูกสาวก็ไม่พอใจชี้หน้าด่า ถ่มน้ำลายใส่ ใช้มีดข่มขู่จะฆ่าให้ตายจนต้องย้ายออกมาอยู่บ้านของลูกสาวคนโตที่อยู่ใกล้ๆ กัน
ยาย กล่าวอีกว่า น.ส.ป๊อบ เคยมีสามีและมีลูก 3 คน ต่อมาเลิกรากัน สามีเอาลูกคนโตกับคนกลางไปเลี้ยง และให้น้องหนึ่ง ลูกสาวคนสุดท้อง 5 ขวบ อยู่กับแม่ ที่ผ่านมา น.ส.ป๊อบไม่ยอมทำงาน เสพยาเสพติด ตนต้องคอยหาอาหารไปให้หลานมิฉะนั้นหลานก็จะไม่ได้กินอะไร เมื่อ 2 เดือนก่อน น้องหนึ่งเคยเล่าให้ยายฟังว่า “แม่จับหนูกดลงในถังน้ำเกือบตาย หายใจไม่ออก ไม่มีคนช่วยเลย และเคยจับขาหนูห้อยศีรษะลงแกว่งไปมา เพราะโกรธที่ยายพาไปเล่นแล้วมาส่งช้า”
ล่าสุดเมื่อวานนี้ น้องหนึ่งมาหายายที่บ้าน ยายสังเกตเห็นแขนข้างขวาของหลานมีรอยกัดเขียวช้ำ จึงได้สอบถามหลานบอกว่า “ไม่รู้แม่โกรธอะไร แม่กัดแขนหนู” ตนสงสารหลานมากไม่รู้จะช่วยหลานได้อย่างไร และเกรงว่าหลานจะเป็นอันตรายไปมากกว่านี้ ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยด้วย ทันทีที่ได้รับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี มอบหมายให้ พ.ต.ท.ณภัทร จูมวันทา รอง ผกก.สอบสวน สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี รับแจ้งความจากยาย และนางปวีณาได้ประสาน นางเยาวพรรณ แซ่มพุดซา หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่บ้านของ น.ส.ป๊อบ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อช่วยเด็กหญิง 5 ขวบทันที โดยมีปลัดอำเภอเพ็ญ และ อบต.นาพู่ ร่วมลงพื้นที่ด้วย
เมื่อพ.ต.ท.ณภัทร จูมวันทา รองผกก.สอบสวน สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี และนางเยาวพรรณ แซ่มพุดซา หัวหน้าบ้านพักเด็กฯ อุดรธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ไปถึงบ้านพบ น.ส.ป๊อบ อยู่กับน้องหนึ่ง ลูกสาว ซึ่งเนื้อตัวเด็กมีร่องรอยฟันกัดที่แขนทั้ง 2 ข้างหลายแห่ง และเด็กยืนยันว่า แม่เป็นคนทำ จึงทำการแยกเด็ก เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว น.ส.ป๊อบ ไปตรวจปัสสาวะพบว่ามีสารเสพติด จึงมอบให้ปลัดอำเภอเพ็ญนำ น.ส.ป๊อบ ไปเข้ารับการบำบัดยาเสพติด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ พม. และอบต.ได้พาน้องหนึ่งไปตรวจร่างกาย ซึ่งหลังจากนี้ยายได้ขออุปการะเลี้ยงดูหลานเอง ทั้งนี้มูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามการช่วยเหลือร่วมกับ พม.ต่อไป