วันที่ 25 เมษายน 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง, พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ พ.ต.อ.ชัฎฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ภาคภูมิ ศรีลาภะมาศ, พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปคบ, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดย นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี โดย นพ.ภุชงค์ ไชยชิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติกรณีจับกุมบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ทำการรักษาโรคให้ประชาชนทั่วไป
พฤติการณ์สืบเนื่องจากกองกำกับกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี (สสจ.ปทุมธานี) ให้การตรวจสอบ กรณีปรากฎข่าวประชาชนเลเซอร์ขนบริเวณอวัยวะเพศจนเกิดไหม้เป็นแผลติดเชื้อ ซึ่งการทหัตการ อาทิเช่น การเลเซอร์ หรือการฉีดสารต่างๆ เข้าสู่ร่างกายจะต้องกระทำโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างถูกต้อง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าคลินิกดังกล่าวเปิดให้บริการเสริมความงามโดยใช้บุคคลที่ไม่ใช้แพทย์ทำการเลเซอร์ขนตามร่างกายให้ประชาชนทั่วไปจริง
ในวันที่ 24 เมษายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.จึงร่วมกับ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)และสาธารณะสุขจังหวัดปทุมธานี (สสจ.ปทุมธานี) เข้าตรวจสอบ คลินิกเสริมความงาม ในพื้นที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และพบ น.ส.เอ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ทำการเลเซอร์ขนตามร่างกาย ให้กับผู้มารับบริการ เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบพบว่าสถานพยาบาลดังกล่าว มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาลถูกต้อง แต่ น.ส.เอ ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมแต่อย่างใด โดยกล่าวอ้างว่าจบหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล โดยทำมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุม น.ส.เอ พร้อมตรวจยึดยาแผนปัจจุบัน ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา เวชระเบียนผู้มารับบริการ อุปกรณ์ในการทำการรักษา รวม 10 รายการ ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ.ดำเนินคดี
จากการสืบสวนเพิ่มเติมทราบว่า กรณีที่ปรากฏข่าวกรณีมีประชาชนเลเซอร์ขนบริเวณอวัยวะเพศจนเกิดไหม้เป็นแผลติดเชื้อ นั้น มีพนักงานภายในคลินิกเป็นผู้ทำหัตถการเลเซอร์ ซึ่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. จะได้รวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายเรียกมาเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
อนึ่ง การปล่อยให้บุคคลที่มิใช่แพทย์มาให้บริการรักษา ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีคำสั่งทางปกครองให้ปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว หรืออาจถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตได้ โดยหากพบการกระทำความผิดพนักงานสอบสวนจะมีการออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม 1.กรณีผู้ทำหัตการเลเซอร์มีความผิดตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ฐาน“ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต”ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท 3.พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ฐาน“ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา”ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ก่อนเข้ารับการรักษาโรค หรือเสริมความงาม ตามสถานพยาบาลต่างๆ ควรตรวจสอบการได้รับอนุญาตของคลินิกและแพทย์ที่ทำการรักษาก่อนในเบื้องต้น เพราะอาจทำให้ได้รับความเสี่ยงในการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ไม่ถูกต้องจากบุคลากรที่ไม่ใช้แพทย์ และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอ, หมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง หากตรวจพบจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด พี่น้องประชาชนหากพบสถานพยาบาลหรือแพทย์ที่ต้องสงสัยว่าอาจอยู่ลักษณะหมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค